หมวดเจี๊ยบแฉทหารคุกคาม
(Edited) หัวข้อข่าว : มีทหารนอกเครื่องแบบ 2 นายบุกมาที่บ้านพักส่วนตัวของ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยกลุ่มทหารดังกล่าวระบุว่าตัวเองเป็นลูกน้อง ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชื่อ พันเอก อนุวัฒน์ และสังกัดกองทัพภาคที่ 1 ดิฉันอยากถามว่าภารกิจคุกคามคนคิดต่างจสกรัฐบาลแบบนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานในคำขอใช้งบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาทของกระทรวงกลาโหมด้วยหรือไม่
เนื้อข่าว : (1 ส.ค.61) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความในแฟนเพจชื่อ หมวดเจี๊ยบ Sunisa Divakorndamrong มีข้อความโดยสรุป ดังนี้ “…เมื่อสักครู่ มีทหารแต่งกายนอกเครื่องแบบ จำนวน 2 นาย บุกมาที่บ้านของเจี๊ยบ โดยหนึ่งในนั้น อ้างตัวว่าเป็นนายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 1 โดยโชว์บัตรประจำตัวข้าราชการให้ รปภ. ดู ในบัตร ระบุว่า ชื่อ “พันเอก อนุวัฒน์” แถมยังบอกว่าตัวเองเป็นลูกน้องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกด้วย ซึ่งเจี๊ยบก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ก็สงสัยว่าในเมื่อเป็นข้าราชการแล้วทำไมจึงไม่แต่งเครื่องแบบเพราะช่วงเวลาที่พวกเขาบุกมาที่บ้านของเจี๊ยบนั้น ก็ถือว่ายังอยู่ในวันเวลาทำการของราชการด้วย
ที่สำคัญ การบุกมาที่บ้านพักส่วนตัวของนักการเมืองที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลเผด็จการ ทั้งยังเป็นนักการเมืองสตรีอีกด้วยนั้น มันคือหน้าที่ของชายชาติทหารงั้นหรือ? แล้วภารกิจประเภทนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานของกองทัพ ตามที่ได้เสนอขอใช้งบประมาณของประเทศสูงถึง 2 แสนกว่าล้านบาท ด้วยหรือเปล่า ตามที่มีข่าวว่า สนช. จะพิจารณาคำของบประมาณ ประจำปี 2562 ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ราวๆ สัปดาห์หน้า
ไหน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อ้างมาตลอดไงว่าไม่เคยใช้เจ้าหน้าที่หรือกลไกของรัฐเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจและปิดปากคนคิดต่าง แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันต้องเรียกว่าอะไรดีนะ?
ก็ไม่ทราบว่า ทหารนอกเครื่องแบบกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเดียวกับชายฉกรรจ์ 2 คน ที่เคยเดินทางตามประกบเจี๊ยบเมื่อสองสัปดาห์ก่อนรึเปล่า ระหว่างที่ดิฉันเดินทางไปดูงานที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งปรากฎว่ามีกลุ่มชายหัวเกรียน มานั่งเฝ้ารถยนต์ส่วนตัวตั้งแต่เช้าจรดเย็น โดยชายฉกรรจ์เหล่านั้นแจ้งกับ รปภ. อย่างเปิดเผยว่ามาตามเฝ้าเจ้าของรถยนต์คันนี้ ซึ่งหมายถึงดิฉัน
ดิฉันอยากบอกทุกท่านว่า การใช้ชีวิตของนักการเมืองไทยในบรรยากาศที่บ้านเมืองมีความเป็นเผด็จการนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก พวกเราที่ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการและพยายามทำหน้าที่ของเราในการตีแผ่ความไม่ถูกต้องในการใช้งบประมาณแบบล้างผลาญของรัฐบาลที่ได้อำนาจมาจากการยึดอำนาจ อาจทำให้พวกเราตกอยู่ในที่นั่งลำบากได้เสมอ นักการเมืองฝ่ายเราจึงต้องใช้พลังใจและพลังจิตอย่างมากในการหล่อเลี้ยงความเชื่อของตัวเอง เพื่อให้เรายังคงยืนหยัดทำในสิ่งที่เราเชื่อว่าดีงามและถูกต้องต่อไป
อย่างไรก็ตาม พวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่คิดจะท้อถอย และขอยืนยันว่า สิทธิในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกทางการเมืองในกรอบของกฎหมาย คือ สิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ซึ่งรัฐบาลเผด็จการที่ได้อำนาจมาจากการแย่งอำนาจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนต้องเคารพและควรหยุดละเมิดเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนได้แล้ว เพราะคนไทยทุกคนคือเจ้าของประเทศและเป็นคนจ่ายเงินภาษีที่ใช้หล่อเลี้ยงประเทศ
ดังนั้น ชาวบ้านจึงต้องมีสิทธิ์มีเสียง ไม่ใช่ว่า จะมีหน้าที่เสียภาษีอย่างเดียวหรือต้องเป็นฝ่ายรอฟังคำสั่งรัฐบาลเท่านั้น
ทั้งนี้ การส่งเจ้าหน้าที่ไปข่มขู่คุกคามคนที่วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล คือ สัญญลักษณ์ของการกดขี่และกดหัวประชาชนไม่ให้ลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจของเผด็จการ แต่จงเชื่อเถิดว่า ต่อให้ปิดปากคนวิจารณ์ได้หนึ่งคน ก็ไม่ทำให้ให้ชาวบ้านมองตะกวดเป็นจระเข้ขึ้นมาได้.”
ป.ล. อ่านต้นฉบับจาก แฟนเพจหมวดเจี๊ยบได้ที่ link นี้นะคะ:
https://www.facebook.com/19968463538853…/…/2257149311188421/