รวมพลังกว่า 100 คน บุกกลาโหม
“ โบว์ ” ทวงถามมนุษยธรรมจากกองทัพ
23 สิงหาคม 2561 เวลา 10.30 น. โบว์- ณัฎฐา มหัทธนา นักกิจกรรมทางการเมืองและกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พร้อมด้วย สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำนายไสว ทองอ้มและสุข ยาจิต ภรรยา โดยมีผู้สนับสนุนจำนวน 100 คน เดินทางมาถึงกระทรวงกลาโหม ถือป้ายข้อความต่างๆเช่น “ ไสว ทองอ้มถูกยิงฟรีจากภาษีประชาชน “ “ ไสว ทองอ้ม บาดแผลของความยุติธรรม” “ ถูกยิงจนพิการ ถูกศาลฟ้องคดี “ เดินจากร้านอเมซอน สู่ประตูด้านหลังกระทรวงกลาโหม โดยมีทหารและตำรวจจำนวนกว่าหนึ่งร้อยนาย ที่มาร่วมสนับสนุนการชุมนุม ระหว่างการเดินไปนี้มีทหารรักษาความปลอดภัย 2 นาย มากระชากป้ายโปสเตอร์ข้อความดังกล่าวและสั่งห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมถือป้าย โดยผู้มาชุมนุมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และได้ส่งตัวแทน 5คน เข้าไปยื่นหนังสือภายในกระทรวงประกอบไปด้วย โบว์ – ณัฎฐา มหัทธนา สมยศ พฤกษาเกษมสุข อัจฉรา ทองสวัสดิ์ ไสว ทองอ้ม และนางสุข ยาจิต ภรรยา เข้าไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อพันเอกอาดุลย์ กระเสาร์ และเรืออากาศโทเอกพัน อมรัชกุล จากศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ โดยได้แจ้งให้ทราบว่า พลเอกกลชัย พรรณเชษฐ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้มารับหนังสือดังกล่าวเพื่อเสนอต่อพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ต่อไป จึงไม่สามารถดำเนินใดๆได้ในวันนี้
ไสว ทองอ้ม ผู้ถูกยิงจนแขนพิการ จากการที่ทหารสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สามเหลี่ยมดินแดง ปี 2552 ไสว ยืนยันว่าตนฟ้องคดีนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะเชื่อจากสิ่งที่ตาเห็นว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร การที่ไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จนร่างกายพิการ มือข้างซ้ายไม่สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิตก็เป็นความเจ็บปวดมากแล้ว ยังโชคร้ายที่ต้องถูกกองทัพฟ้องบังคับคดียึดที่ทำกินจากการแพ้คดี เป็นความทุกข์ใจที่ไม่อาจบรรยายได้ ที่มาวันนี้ต้องการขอให้กองทัพพิจารณายุติการบังคับคดี เพราะตนฟ้องร้องตามสิทธิของประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น
“ การเข้าร่วมการชุมนุม ต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 ล้วนมาจากมโนสำนึกที่เคารพในสิทธิเสรีภาพของตัวเองและผู้อื่น และต้องการเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งหากย้อนเวลาได้ ก็จะยังทำใน 2 สิ่งเช่นเดิม แม้ผลพวงจากการต่อสู้จะนำมาซึ่งความสูญเสียก็ตาม โดยสภาพความเป็นอยู่ปัจจุบัน ยากแค้นและต้องอดมื้อกินมื้อ “ นายไสว กล่าว
โบว์ – ณัฎฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเห็นว่าตนรู้สึกสลดใจที่ได้ทราบว่ากองทัพมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการบังคับคดีเรียกค่าใช้จ่าย ถึงขั้นแต่งตั้งนายทหารระดับพลตรีมาติดตามทรัพย์สินของนายไสวผู้เป็นเพียงชาวนาพิการและยากจน การยื่นหนังสือครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการขอให้ยุติการบังคับคดี แต่เป็นการถามหามนุษยธรรมจากกองทัพที่ควรดำรงอยู่เพื่อประชาชน หวังว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม จะสั่งการกองทัพบกให้ขอ งดการบังคับคดี ตามมาตรา 292 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตั้งข้อสังเกตว่านี่คือคดีระหว่างประชาชนต่อรัฐ ไม่ใช่เอกชนต่อเอกชน กองทัพไม่ได้เสียหายอะไรจากการสู้คดีในครั้งนี้ ทนายที่ใช้คืออัยการที่ทำงานในฐานะข้าราชการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้คดี ไม่ได้ใช้งบประมาณกองทัพไปจ่ายอยู่แล้ว ส่วนค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้น นายไสวได้รับการยกเว้นในฐานะบุคคลอนาถา และชนะคดีด้วยเหตุผลที่รัฐมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการสลายการชุมนุม แม้ภายหลังจะแพ้คดีด้วยเหตุที่ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของกระสุนได้ หากคดีนี้จบลงด้วยการยึดทรัพย์นายไสว ก็เป็นห่วงอนาคตของประชาชนหากมีการได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติงานของรัฐบาลอีก.
59 หนองแวง อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์
วันที่ 23 สิงหาคม 2561
เรื่อง ขอให้กองทัพบกยุติการบังคับคดียึดที่ดินทำกินของนายไสว ทองอ้ม เหยื่อความรุนแรงปี2552
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ
กระผมนายไสว ทองอ้ม เป็นเพียงชาวนายากจนที่ต้องดิ้นรนมาเป็นกรรมกรขายแรงในกรุงเทพเพื่อหาเลี้ยงชีพครอบครอบครัว จากความขัดแย้งทางการเมือง เมื่อปี 2552 กระผมเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ( นปช. ) ระหว่างวันที่ 8-13 เมษายน 2552 เรียกร้องรัฐบาลยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เป็นการเข้าร่วมชุมนุมโดยสงบสันติ ตามสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่าวันที่ 13 เมษายน 2552 เวลา 4.30 น. กองกำลังทหารของกองทัพบกพร้อมด้วยอาวุธ เข้าสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงด้วยความรุนแรง กระผมถูกกระสุนปืนจากฝ่ายทหารยิงเข้าที่ต้นแขนซ้าย จนพิการตลอดชีวิตไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป กระผมเป็นผู้ได้รับความเสียหายจึงได้ใช้สิทธิ์ฟ้องร้องค่าเสียหายต่อกองทัพบก ตามคดีดำเลขที่ 5971/2552โดยศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้กองทัพบกจ่ายเงินค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 1,200,000บาท กองทัพบกได้โต้แย้ง ศาลอุทธรณ์-ฎีกา พิพากษายกฟ้อง โดยกองทัพบกและกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ฟ้องการบังคับคดีให้กระผมต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความระหว่างศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นจำนวนเงิน 212,114 บาท(ค่าทนาย 60000 บาท) กระผมเป็นคนยากจนไม่มีเงินชำระ กองทัพบกจึงให้กรมบังคับคดีดำเนินการยึดที่ดินทำกินขนาด 8 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวาขายทอดตลาด
กระผมเป็นเพียงคนยากจน ถูกยิงบาดเจ็บจนพิการจากการสลายการชุมนุมของกองทัพบก ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องต่อศาลให้ดำเนินคดีแบบอนาถา เมื่อศาลได้ยกฟ้องกองทัพบกไปแล้ว กลับถูกกองทัพบกบังคับคดีให้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาล( เฉพาะค่าทนายเป็นจำนวนสูงถึง 60,000 บาท) ให้กับกองทัพบกและกองบัญชาการกองทัพไทยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐทั้งค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายไม่ได้เป็นการเสียหายต่อหน่วยงานรัฐ แต่กองทัพบกกลับทำการยึดที่ดินทำกินจำนวน 8 ไร่ เป็นการรีดนาทาเร้นให้ต้องยากจนข้นแค้นและทุกขเวทนาแสนสาหัสต่อกระผมและครอบครัวเป็นอย่างมาก
กระผมจึงเรียนมายังท่าน เพื่อขอความเป็นธรรม กระผมไม่เพียงแต่ต้องถูกยิงโดยไม่สามารถหาความรับผิดชอบจากผู้ใดในประเทศนี้ได้อีกแล้ว แขนซ้ายยังพิการไปตลอดชีวิต และยังต้อง สูญเสียที่ดินทำกินที่มีอยู่น้อยนิด ให้กับกองทัพบกอีกด้วย กระผมได้ร้องเรียนต่อสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2561 และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเมื่อวันทึ่ 20 สิงหาคม 2561 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
จึงขอกราบเรียนมายัง ฯพณฯ รัฐมนตรีกลาโหมพลเอกประวิตร วงศ์สุววรรณ ได้โปรดเมตตา และขอความเป็นธรรม ด้วยการสั่งการให้พลตรีพรพิศ รัตนานนท์ และร้อยเอกเพชรนครินทร์ ทิมมาศย์ ผู้แทนกองทัพบก ผู้มีอำนาจในการขอ งดการบังคับคดีและงดการยึดทรัพย์ เพื่อให้กรมบังคับคดียุติการยึดที่นาขายทอดตลาด เป็นไปตาม มาตรา292 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพื่อให้กระผมยังดำรงชีพอยู่ได้ตามอัตภาพบนที่ดินทำกินต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นายไสว ทองอ้ม
ผู้ร้องเรียนฯ