ทำไมอภิรัชต์ คงสมพงษ์ จึงไม่รับประกันเรื่องการทำรัฐประหาร ?
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดใจที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์(17.10.61) ไม่รับประกันว่าไม่ทำรัฐประหาร โดยระบุว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ก็ไม่มีอะไร ประการแรกสุด เป็นการสะท้อนจิตสำนึกและตัวตนที่แท้จริงของตนเองออกมาอย่างล่อนจ้อน กล่าวคือ 1. พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ พ่อของอภิรัชต์ เคยทำรัฐประหารมาแล้ว และ อภิรัชต์เองก็ร่วมทำรัฐประหารและได้ดิบได้ดีมากับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งหมดต่างเป็นสายเลือดนักรัฐประหารและเป็นผู้เชี่ยวชาญศึกการรัฐประหารโดยตรง 2.เป็นคำพูดที่จริงใจตรงไปตรงมาไ ม่ต้องอ้อมค้อมกันต่อไปอีก ต่างกับประยุทธ์ จันทร์โอชา(24 กุมภาพันธ์ 2557) ที่เคยพูดว่า สิ่งที่กองทัพดำเนินการเวลานี้จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่แล้วในเวลาถัดมาไม่กี่เดือน พล.อ.ประยุทธ์ก็ก่อการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญกระทำความผิดกฎหมายเสียเอง 3. เป็นการบ่งบอกชัดเจน ว่า กองทัพบกถือเป็นข้ารองบาทมีหน้าที่และหัวใจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกองทัพบกจะใช้ศักยภาพและขีดความสามารถทุกอย่างในการปกป้องสถาบัน เป็นอุดมการณ์ของทหารที่ชัดเจนที่สุด จึงไม่ต้องมาโอดครวญหรือวิจารณ์ใดๆ ในเรื่อง การที่ทหารแทรกแซงทางการเมืองหรือ ในเรื่องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยกันอีกต่อไป
ประการที่สอง เป็นการพูดออกมาในจังหวะเดียวกันกับพลเอกประยุทธ์ได้ไปพูดที่เบลเยี่ยม (18.10.61) ที่กล่าวว่า จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2562 จากประโยคที่กล่าวมานี้ ชี้ให้เห็นความไม่แน่นอนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์62หรือไม่ ความเป็นไปได้จึงอาจเลื่อนไปถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งไปได้ไกลสุดภายในข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลและกองทัพจะต้องจัดการเรื่องการโยกย้ายระดับผู้บังคับกองพันในเดือนเมษายนและการเร่งรัดจัดการสัญญาสัมประทานโครงการขนาดใหญ่ให้แล้วเสร็จ
ในความเป็นจริงการรัฐประหารในเมืองไทยที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากการวางแผนที่แน่นอนในการยึดอำนาจ มีสาเหตุเกิดจาก หนึ่งไม่พอใจการสูญเสียประโยชน์จากการโยกย้ายตำแหน่งภายในกองทัพ สอง ต้องการงบประมาณที่เพิ่มขึ้น รัฐประหารทุกครั้งจะมีการเพิ่มงบประมาณการทหารเพิ่มขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งเพื่อนำไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และการเพิ่มเงินเดือนปูนบำเหน็จ ดังนั้น เรื่อง ความวุ่นวายหรือการจลาจลล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างที่มีการสมคบคิดวางแผนสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่ออ้างเหตุก่อการรัฐประหาร การรัฐประหาร 2 ครั้งหลังสุด (2549/2557)แท้จริงแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย เป็นไปตามที่นายจาตุรนต์ ฉายแสงได้แสดงความคิดเห็นไว้
พูดกันให้ชัดกันไปเลย นี่คือ การแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนการเลื่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ และ ส่งสัญญาณเตือนด้วยว่าหาก ประชาชนดันไปเลือกพรรคการเมืองแบบเพื่อไทยหรืออนาคตใหม่ จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นและจะนำมาสู่การรัฐประหารแน่นอน
งานนี้จึงต้องใช้บิ๊กแดงเอาไว้จัดการกับพวกคนเสื้อแดงเพราะทั้งสองฝ่ายล้วนคุ้นเคยกันดีมากมาแต่เก่าก่อนกาล
แต่กองทัพก่อการรัฐประหารและมีอำนาจได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนก็เพราะความเป็นอำนาจเชิงซ้อน ของรัฐพันลึก ( Deep State ) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสังคมไทยมาช้านาน ขอให้ย้อนไปสู่วาทกรรมของประธานองคมนตรีเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2549 ในเรื่อง การแข่งม้า ม้าจะมีเจ้าของคอก เวลาจะไปแข่งเด็กจ๊อกกี้ไปจ้างมาขี่ม้า พอเสร็จจากขี่ม้าก็ไปทำงานอย่างอื่น เขาไม่ได้เป็นเจ้าของคอกม้า นี่คือวาทกรรมอำมตะอันลือลั่นที่ยังใช้ได้อยู่จนถึงวันนี้
ไม่ต้องตีความให้เหนื่อย สรุปก็คือ “ ม้าไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังจ๊อกกี้ จ๊อกกี้ไม่ใช่เจ้าของม้า อย่ามามีอำนาจสั่งม้าเด็ดขาด
ประเทศไทยจึงเป็นประเทศสิ้นไร้ไม้ตอก และคงต้องอยู่กันแบบกระจอกงอกง่อยกันต่อไปเถอะครับ
———————————————————————
“สองแผ่นดิน” รวมบทกวีในคุก สมยศ พฤกษาเกษมสุข 2554-2561 คำนิยมโดย วัฒน์ วรรลยางกูร กวีนอกราชอาณาจักร ราคา 150 บาท ค่าส่ง 20.00 บาท รวม 170 บาท สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0 ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005