“ สู้ลำพังโดดเดี่ยวบนเขี้ยวเข่น ในทางเถื่อนลำเค็ญไกลจุดหมาย ห้วงเวลานาทีมีความตาย บทสุดท้ายผู้กล้า…หาพรั่นพรึง “ ท่อนหนึ่งของบทกวีชื่อว่า “คิดถึงกันบ้างไหม” เขียนออกจากใจของ “รุ่งศิลา” นามปากกาของของ สิรภพ กรณ์อรุษ นักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ถูกกล่าวหาโดยคณะรัฐประหารหลังจากคำให้การในศาลทหารที่เขาตะโกนก้องออกมาว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมรับอำนาจของกลุ่มบุคคลที่ใช้กำลังอาวุธเข้ามายึดล้มล้างการปกครองของรัฐบาลที่มาจากประชาชน ” รุ่งศิลาถูกคุมขังอยู่ที่แดน 6 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมา 4 ปี 5 เดือนแล้ว
พลอยไพลิน บุตรสาววัย 24 ปี ซึ่งกำลังจะจบการศึกษาคณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยได้ยื่นขอการประกันตัวมาแล้ว 6 ครั้งด้วยกันและกำลังจะยื่นขอประกันตัวครั้งที่ 7 ในวันที่ 5 พฤศจิกายน61ด้วยความมุ่งหวังอย่างเปี่ยมล้นว่า สิทธิการประกันตัว เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้คดีอย่างเที่ยงธรรมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้นจะได้รับการพิจารณาจากศาลทหาร คุณพ่อจะได้กลับสู่ครอบครัวดูแลคุณย่าที่ชราภาพและเจ็บป่วยอยู่ “ หนูอยากให้คุณพ่อได้เขียนกลอนมาร่วมฉลองความสำเร็จที่ลูกสาวจบการศึกษาตามความประสงค์ของคุณพ่อ “
“ไม่มีช่วงเวลาตอนไหนที่จะมีความสุขและไม่กล้าจะมีความสุข เพราะคนที่อยู่ในคุกก็คือพ่อ หนูรักพ่อมากค่ะ ” พลอยไพลินถอนหายใจอย่างแรง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า ทนายความ อานนท์ นำภา บอกด้วยว่า การยื่นประกันตัวครั้งที่ 7 นี้ มีแนวโน้มที่ดีมาก หนูก็เชื่อเช่นนั้น
ทางด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตนักโทษคดี 112 ที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันกับสิรภพ กรณ์อรุษ ในคุกมาก่อน ให้ความเห็นว่า “ สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนกำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น การเลือกตั้งในปี 2562 นั้นจะไม่มีความหมายเลยและจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม หากยังมีนักโทษและผู้ลี้ภัยการเมืองที่ถูกคณะรัฐประหารจับกุมคุมขังอยู่ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจะทำการรณรงค์ไปทั่วโลกเลยเพื่อ ให้มีการปล่อยตัวนักโทษการเมืองและนำผู้ลี้ภัยกลับบ้านก่อนการเลือกตั้ง “
หมายเหตุ