สมันน้อย”นุช” เดียวดายกลางฝูงหมาป่า
ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ หรือ “นงนุช” อดีตสาวธกส.วัย 32 ปี ผู้เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของการจัดทำบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เพื่อเอาผิดกับอดีตนายรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเลขที่คลาดเคลื่อน มีการทุจริตมหาศาลทั้งในเรื่องใบประทวนซ้ำซ้อน การเบิกจ่ายเงินซ้ำซ้อน การอนุมัติเงินปิดบัญชีผิดประเภท มีเงินทอนกลับเข้าสู่ใครบางคนในธกส. แต่ปรากฏว่า ธกส.กลับนำเธอไปแขวนไว้ โดยไม่มอบหมายหน้าที่การงานให้ กดดันให้เธอตกอยู่ในสภาพ เป็นคนมีปัญหาสุขภาพทางจิตและเลิกจ้างในที่สุด ด้วยข้อหา กระด้างกระเดื่อง ละทิ้งหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2561 เป็นต้นมา
ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ ร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2561 โดยให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล กรณีการสรุปวงเงินแจ้งภาระหนี้โครงการรับจำนำข้าวว่ามีความถูกต้องหรือไม่อย่างไร รวมทั้งการกระทำไม่เป็นธรรมของธกส.ที่มีต่อตัวเธอ
เวลาผ่านมาแล้วถึง 5 เดือนด้วยกัน วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 เธอจึงเข้ามาติดตามความคืบหน้า ได้รับคำตอบจาก นางสาวสุวีรยา ทองพิทักษ์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ว่า สำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องของเธอกลับไปที่ ธกส.แล้ว ซึ่งหมายถึงว่า ไม่ได้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อร้องเรียนของเธอแต่ประการใด
นอกจากนี้ทาง ธกส.ได้ตอบโต้ด้วยการแจ้งความต่อตำรวจราวเดือนมกราคม 2562 ให้ดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 ซึ่งไม่แน่ว่า สุดท้ายแล้วเธอต้องเผชิญกับการดำเนินคดีที่อาจนำไปสู่การติดคุกติดตะรางได้เหมือนกัน
5 เดือนแห่งความว่างเปล่า เป็น 5 เดือนแห่งความเดียวดาย ชญาดา บอกว่า ช่วงแรกมีหลายคน ยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย แต่แล้วก็เงียบหายไป ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานถึง 5 เดือนที่ผ่านทำให้ชีวิตของเธอพบกับความยากลำบากและทุกข์ยากแสนสาหัส ด้วยเพราะขาดรายได้ดำรงชีวิต ต้องหยิบยืมเงินจากครอบครัวนำมาใช้เพื่อต่อสู้ให้ได้รับความเป็นธรรม เธออยากมีงานทำ เพื่อมีรายได้ดำรงชีพระหว่างที่ต้องยืนหยัดต่อสู้ให้เกิดความเป็นธรรมสำหรับเธอ และสังคมจะได้รับทราบความจริงในคดีการทุจริต โครงการรับจำนำข้าว
หญิงร่างเล็ก น้ำหนักตัวจาก 48 กก.ก่อนถูกเลิกจ้าง ขณะนี้เหลือเพียง 40 กก ความเครียดทำให้เธอกินข้าวน้อยมาก รูปร่างซูบผอมลงอย่างถนัดตา ดูเหมือนว่า จะหาความยุติธรรมอะไรไม่ได้อีกต่อไปในสังคมแบบนี้ที่เต็มไปด้วยภาพลวงตาของการโฆษณาความเชื่อ แต่ก็ไม่อยากหนีจากมันไป เพราะเหตุที่ว่า มันคือ ความชั่วช้าสามานที่มีอำนาจอยู่ในหน่วยงานของรัฐในขณะนี้ เธอไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ด้วยเชื่อว่าข้อเท็จจริงที่มีอยู่นั้นจะเป็นแรงบันดาลให้ผู้คนในองค์กรอิสระและในศาลยุติธรรม เร่งดำเนินการให้เธอได้รับความยุติธรรมมาบ้าง แม้เพียงเศษเสี้ยวที่ได้รับก็ยังดี เธออยากจบเรื่องราวที่ยืดเยื้อนี้เพื่อไปใช้ชีวิตตามปกติเยี่ยงสาววัย 32 ปีต่อไป
วันนี้เธอใช้ Face Book ชื่อว่า chayada trakulrungrot เป็นช่องทางนำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ของเธอ ซึ่งดูแล้วก็เหมือน สมันน้อย เดียวดายกลางฝูงหมาป่า เพราะการเมืองการปกครองวันนี้มันโหดเหี้ยมอำมหิต แต่กลับดูดีด้วยการโฆษณาความเชื่อและการปกปิดความจริง ที่สำคัญนี่คือเผด็จการหัวสาก ที่เอาน้ำรดเท่าไรมันไม่รู้สึกรู้สาใดๆทั้งสิ้น
ใครที่อยากช่วยเธอและเป็นกำลังใจเธอให้ได้ต่อสู้ต่อไป โอนเงินไปในนามของ นส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)เลขที่ 159-216389-9
“สองแผ่นดิน” รวมบทกวีในคุก สมยศ พฤกษาเกษมสุข 2554-2561 คำนิยมโดย วัฒน์ วรรลยางกูร กวีนอกราชอาณาจักร ราคา 150 บาท ค่าส่ง 20.00 บาท รวม 170 บาท สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0 ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005