บทความ

การล้มเจ้ามาจากการรัฐประหารทั้งสิ้น


ayutaya1นับตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาในปีพศ.1893 เรื่อยมามีการรัฐประหาร โค่นล้มกษัตริย์หลายครั้งด้วยกัน จนกระทั่งพระบรมไตรโลกนาถ(พ.ศ. 1991 – 2031)ทำการปฏิรูปการปกครองเพื่อควบคุมกำลังคนในระบบศักดินา  กษัตริย์อยู่ในฐานะสูงสุดมีอำนาจล้นฟ้า รองลงมาคือพวกเจ้านายได้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ใกล้ชิดและพวกขุนนางรวมกันเป็นฝ่ายชนชั้นปกครอง ทั้งสามส่วนนี้แยกจากกันไม่ได้  กษัตริย์ปกครองได้ด้วยกลไกเชื้อพระวงศ์และการทำงานรับใช้ของขุนนางทั้งหลาย ในขณะที่ขุนนางมีอำนาจได้ด้วยบารมีและอำนาจของกษัตริย์ ส่วนผู้อยู่ภายใต้การปกครองคือ ราษฎร ที่เป็นทาส-ไพร่ ซึ่งถูกควบคุมจากชนชั้นปกครอง

พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งขุนนางทำหน้าที่บริหารราชการและควบคุมราษฎรทั้งหมดที่เป็นไพร่ ทาส แทนพระองค์ซึ่งการเป็นขุนนางจะไม่ได้รับเงินเดือนแต่จะได้รับพระราชทาน ยศ, ราชทินนาม, ตำแหน่ง และศักดินา(จำนวนที่ดินลดหลั่นกันไป) ซึ่งสิ่งสำคัญทั้ง 4 ประการนี้เป็นเครื่องกำหนดอำนาจและเกียรติยศของขุนนาง ซึ่งทำให้เกิดความจงรักภักดี เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจกษัตริย์ให้ยืนยาวนาน

ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นในสังคม เป็น ระบบอุปถัมภ์ เช่น ขุนนางยอมรับฐานะของพระมหากษัตริย์สูงส่งอยู่เหนือกว่าตน  ส่วนไพร่-ทาส ขึ้นต่อพึ่งพา ยอมรับฐานะของขุนนางและมูลนายระดับอื่นๆ ว่าอยู่เหนือกลุ่มของตน  ขุนนางทุกคนจะต้องเข้าร่วมพิธีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาปีละ2ครั้ง ใครไม่เข้าร่วมถือว่าเป็นพวกกบถโทษถึงตาย  ขุนนางมีหน้าที่เก็บภาษี ส่งส่วยให้กษัตริย์ เป็นผู้พิพากษาคดีต่างๆ มีหน้าที่ต้องรายงานให้กษัตริย์ทันทีที่ได้รู้ ได้เห็นสิ่งที่จะเป็นผลร้ายต่อกษัตริย์เช่น การสมคบคิดล้มล้างกษัตริย์   การยักยอกพระราชทรัพย์  ฯลฯ มีหลายกรณีด้วยกันในหมู่ขุนนางที่เกิดความระแวง อิจฉา จึงเพ็ดทูลกษัตริย์  ให้ลงโทษขุนนางกันเอง ถึงกับถอดยศ เรียกคืนราชทินนาม  เอาไปเฆี่ยนตี  จับขังคุก หรือไม่ก็เอาไปทรมานหรือประหารชีวิตไปเลย

การล้มเจ้า มักเกิดขึ้นจากพวกเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่จะอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ ซ่องสุมกำลังคนแย่งชิงบัลลังก์ พระบรมไตรโลกนาถ(พศ.1991-2031)จึงปฏิรูปการปกครองใหม่ขึ้นมา ด้วยการยุบหัวเมืองลูก-หลานเป็นหัวเมืองจัตวา ลดอำนาจเจ้านายหันมาส่งเสริมระบบขุนนาง แต่กำหนดกฎเกณฑ์เคร่งครัดเช่น ห้ามไม่ให้ขุนนางศักดินา 800-10000ไร่ติดต่อคบหากับพระราชบุตรและพระราชนัดดา  ห้ามขุนนางศักดินา 800-10000 ไร่ ไปมาหาสู่กันถึงบ้านพักหรือพูดคุยกันในที่ลับ หรือกระซิบกันสองต่อสอง การมีข้อห้ามเหล่านี้ก็เพราะกลัวการยึดอำนาจจากขุนนางนั่นเอง

การขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์โดยการยึดอำนาจหรือ การรัฐประหาร  เรียกว่าการปราบดาภิเษก มักมีเรื่องให้ต้องเข่นฆ่า ไม่ละเว้นแม้ว่าจะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ตัวอย่างเช่นขุนหลวงพะงั่ว(ลุง) ชิงราชสมบัติจากพระราเมศวร(หลาน)พศ.1913 หลังจากสวรรคตพระราเมศวรก็แย่งชิงด้วยการฆ่าพระเจ้าทองลันอายุ 15 ปีโอรสของขุนหลวงพะงั่วที่วัดโคกพระยา  หรือในกรณีพระเพทราชาแย่งชิงบัลลังก์หลังพระนารายณ์สวรรคต ได้เปลี่ยนจากฐานะขุนนางเป็นกษัตริย์ ต่อมา สมเด็จพระเจ้าเสือ ขึ้นครองราชย์จึงได้ฆ่าเจ้านายและขุนนางหลายคนรวมถึงโอรสของพระเพทราชาด้วย และถึงแม้ว่ามีพระราชโอรส ที่จะสืบทอดอำนาจต่อไปได้ ยังถูกพระเจ้าเสือสั่งจำคุกเป็นระยะเวลาหนึ่ง ด้วยความหวาดระแวง เป็นต้น

ราชอาณาจักรอยุธยา ๔๑๗ ปี มีพระมหากษัตริย์ ๓๔ พระองค์ มีการผลัดแผ่นดิน ๓๔ ครั้ง มีทั้ง การสืบสันตติวงศ์ และการยึดอำนาจแบบนฆ่ากันตาย ที่เรียกว่า “ปราบดาภิเษก”  มี 5 ราชวงศ์ที่แย่งชิง ล้มกันไป ล้มกันมาคือ1. ราชวงศ์อู่ทอง มีกษัตริย์ 3 พระองค์ 2.ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีกษัตริย์ 13 พระองค์ 3.ราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ 7 พระองค์ 4.ราชวงศ์ปราสาททอง มีกษัตริย์ 4 พระองค์ 5.ราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีกษัตริย์ 6 พระองค์

การแย่งชิงและการเข่นฆ่ากันเองในหมู่กษัตริย์ เป็นเหตุให้อาณาจักรอยุธยาอ่อนแอ จนถึงกับต้องล่มสลาย จากการที่พม่ายกทัพมาตีจนกรุงแตกในปี พศ. 2310  จนกระทั่งพระเจ้าตากสินรวบรวมกำลังไพร่พล ยกทัพมากอบกู้เอกราช ได้และสถาปนากรุงธนบุรี อยู่ได้ 15 ปี ก็ถูกเจ้าพระยาจักรี ขุนนางคนสำคัญของพระเจ้าตาก ยึดอำนาจได้แล้วทำการสำเร็จโทษด้วยการประหารชีวิตพระเจ้าตากและขุนนาง ผู้ที่นับถือคิดถึงบุญคุณเจ้ากรุงธนบุรีจำนวนมากกว่า 40 คนลงไปแล้วสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีเมืองใหม่แทนกรุงธนบุรี เมื่อวันที่  21 เมษายน พ.ศ. 2325 ก่อตั้งราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

สมยศ พฤกษาเกษมสุข  11.4.62


 

twoland5“สองแผ่นดิน” บันทึกเรื่องราวเป็นกวีศิลป์แห่งความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดรวดร้าวจากการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ควรค่าต่อการเป็นเจ้าของ  คำนิยมโดยวัฒน์ วรรลยางกูร กวีกบถนอกราชอาณาจักร  รายได้สนับสนุนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยนักโทษการเมือง นำผู้ลี้ภัยกลับบ้าน  ราคา 150 บาท  ค่าส่ง 20.00 บาท รวม 170 บาท  สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0  ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com  หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005