บทความ

ชะตากรรมสมันน้อย “ ชญาดา “ เมื่อพลเอกเปรม ยืนยันรัฐบาลประยุทธ์ไม่โกง


chayada008

หนึ่งในแผนการยึดอำนาจในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็คือ การใช้โครงการรับจำนำข้าวที่ถูกโจมตีอย่างหนักว่า มีการทุจริตก่อความเสียหายให้กับรัฐ เพื่อจะให้มันสมจริงสมจังในแผนการที่จะเล่นงานยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  มือที่มองไม่เห็น สามารถทำให้ธนาคารการเกษตรและสหกรณ์ขาดสภาพคล่องในการจ่ายเงินตามใบประทวนของชาวนา เป็นเหตุให้ชาวนาพากันเดือดร้อนถึงกับบางรายต้องฆ่าตัวตายไปเลย ในขณะที่บรรดาพนักงานธนาคาร พากันออกมาประท้วงใส่ชุดดำด้วยกลัวว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะสั่งจ่ายเงินจนอาจทำให้ธนาคารไร้เสถียรภาพทางการเงินได้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงตกอยู่ในสภาพพิกลพิการและด้วยสถานการณ์เช่นนี้ อันธพาลการเมืองก็ออกมาอาละวาดปิดถนน เพื่อปูทางสู่การรัฐประหารโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ในที่สุด

อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ต้องกระเด็นกระดอนไปอยู่ต่างแดน ด้วยข้อกล่าวหาในการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ต่อการตรวจสอบการทุจริตในโครงการรับจำข้าว  แต่ทว่าระหว่างการไต่สวนในคดีเอาผิดยิ่งลักษณ์นั้น นส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ หรือ “นงนุช” อดีตพนักงานวิเคราะห์งานสินเชื่อ รหัส 560070-8 วัย 32 ปี ได้ออกมาทักท้วง ธกส. ถึงความไม่ชอบมาพากลของการจัดทำบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เพื่อเอาผิดกับอดีตนายรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเลขที่คลาดเคลื่อน ซึ่งหมายถึงว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นภายในขั้นตอนการจ่ายเงินให้ชาวนา เช่น จ่ายเงินซ้ำซ้อนในใบประทวนใบเดียวกัน หรือจัดทำบัญชีสอดใส้  ส่วนต่างๆนี้ไปอยู่ในกระเป๋าใครบางคนจนร่ำรวยกันถ้วนหน้า ?  เป็นการทักท้วง ซึ่งโดยปกติ พนักงานระดับปฏิบัติการจะไม่ทำกันเพราะบรรดาเหล่าคนโกงที่ครองอำนาจย่อมจะใช้ทุกวิธีการในการทำลายบุคคลนั้น แต่สำหรับ ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ กลับกระทำการตรวจสอบจนพบว่า มีตัวเลขทางบัญชีคลาดเคลื่อนจากความจริงและด้วยเหตุนี้ ธกส.จึงทำการโยกย้ายออกจากหน้าที่ในการตรวจสอบตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว  ไม่มอบหมายงานให้ทำ เอาไปแช่แข็งใว้ในห้องแอร์ แล้วกดดันให้ต้องตกอยู่ในสภาพกลายเป็นผู้ป่วยด้วยการพาไปพบจิตแพทย์ ออกคำสั่งให้เข้าโครงการรักษาสุขภาพ และมีหนังสือเชิญเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยที่ร.พ.สมเด็จเจ้าพระยาได้สรุปออกมาว่า เป็นการป่วยของคนปกติ แค่มีภาวะเครียด วิตกกังวลจากการทำงาน และมีลักษณะบุคลิกภาพบางประการส่งผลต่อการแสดงออกด้านอารมณ์และพฤติกรรมในที่ทำงาน ซึ่งผลการประเมินทำให้ไม่ต้องรักษาทางจิตเวชแต่อย่างใด

เมื่อไม่สามารถทำให้ชญาดาเป็นผู้มีปัญหาสุขภาพจิตได้ ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 เวลา 19.00 น. ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ ถูกชายฉกรรก์ดักซุ่มทำร้ายร่างกายที่คอ และแขน บริเวณที่จอดรถของธนาคาร ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกคอ มีอาการชา  ฟกช้ำที่ข้อมือและแขนซ้าย ต้องรับกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลวิภาวดี เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการความปลอดภัยของธกส.และขอกล้องวงจรปิด เพื่อใช้เป็นหลักฐานแจ้งความตำรวจ แต่กลับถูกปฏิเสธจะดำเนินการโดยสิ้นเชิง

chayada002

การโยกย้ายตำแหน่งงานและการกลั่นแกล้งไม่มอบหมายงานให้ทำ  การให้ไปทำงานในที่สกปรก การกดดันด้วยรูปแบบต่างๆ ทำให้ชญาดา ยื่นฟ้องผู้บริหารธกส.ต่อศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่มีการไต่สวนมูลฟ้อง ชญาดา จึงยื่นอุทธรณ์ให้กลับคำสั่งศาลชั้นต้น

ชญาดา ใช้ ใช้ Face Book ชื่อว่า  chayada trakulrungrot เป็นช่องทางนำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ของเธอ  เป็นเสมือนการฟ้องต่อสาธารณชน ทำให้ความขัดแย้งระหว่างชญาดากับธนาคารทวีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งมีคำสั่งเลิกจ้าง( 10246/2561)ลงวันที่ 27 กันยายน 2561 หลังจากถูกเลิกจ้างชญาดาขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจาก หลายหน่วยงานด้วยกัน

ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ชญาดา ได้ยื่นฟ้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ตรวจสอบความผิดของคณะกรรมการบริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระหว่างปี 2557-2561 ซึ่งมีพฤติกรรมบกพร่องต่อหน้าที่  อาจส่อในทางทุจริต  โดยการสรุปตัวเลขความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความคลาดเคลื่อนไปจากความจริง และมีข้อสงสัยในความโปร่งใส และข้อบกพร่องหลายประการ

ธนาคารการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)ตอบโต้  ชญาดา ด้วยการแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (1) โดยมี พ.ต.ท.สมพร สะตะ สว.(สอบสวน)สน.บางเขน เป็นพนักงานสอบสวนในคดีนี้ อัยการนัดหมายส่งฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562

วันที่ 6 มี.ค. 2562 เวลา 10.00 น. ศาลศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์กรณี นางสาวชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ ฟ้องดำเนินคดี นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (อดีตผู้จัดการ ธ.ก.ส.) จำเลยที่ 1 และผู้บริหาร ธ.ก.ส. กรณีความผิดปกติทางบัญชีในโครงการรับจำนำข้าวศาลมีคำสั่งกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ชี้คดีมีมูลและให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องโดยคดีให้นัดพร้อมเพื่อกำหนดประเด็นและพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 6 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. และให้เริ่มไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 -16.30 น.

ไม่ใช่เพียงการกลั่นแกล้งกดดันและการทำร้ายร่างกายชญาดาเท่านั้น ยังปรากฎมีข้อเสนอที่จะให้เงินและผลประโยชน์บางอย่างต่อชญาดา เพื่อยุติการเคลื่อนไหวทั้งหมดลงเสียด้วยตัวเลขราวสิบล้านบาทด้วยกัน แต่ชญาดาปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว  กระทั่งได้ร้องเรียน ต่อธกส.เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ให้ตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างธนาคารเสนอจะให้เงินเพื่อยุติการเปิดโปงการทุจริตดังกล่าว

น.ส.ชญาดา กล่าวว่า ช่วงการพิจารณาคดีโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยการตรวจสอบเอกสารตนเองเห็นได้ชัดเจนว่าธนาคาร ธกส. แจ้งหนี้ไปยังองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อตก. และองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ไม่ถูกต้อง และยังพบวงเงินโอนออกผิดปกติ นั่นหมายความว่าส่อทุจริตชัดเจน ตนเองจึงได้โต้แย้งผู้บังคับบัญชาและคัดค้านการแจ้งหนี้ดังกล่าว จากนั้นตนถูกแขวนตำแหน่ง 3 ปี และถูกเลิกจ้างในภายหลัง ระหว่างต่อสู้คดี ขาดรายได้ ชีวิตมีความยากลำบาก ใช้เงินออมของตนเองและครอบครัวหมดไปกว่า 2 แสนบาทแล้ว แม้เวลาการต่อสู้คดีจะยืดเยื้อยาวนานไปอีกก็จะกัดฟันสู้ไปให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป

พิษภัยจากการใช้โครงการรับจำนำข้าว เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการยึดอำนาจการปกครอง ด้วยการกล่าวหาสารพัดและด้วยกระบวนการยุติธรรมแบบสุกเอาเผากิน  เพื่อให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรต้องลี้ภัยไปต่างแดน กับพรรคพวกส่วนหนึ่งต้องติดคุกติดตะรางไปให้ได้  โดยใช้อำนาจพิเศษของเผด็จการทหารไปเอาผิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและพรรคพวก    ครั้นเมื่อมีการแฉการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและกระบวนการปั้นแต่งตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ปรากฏขึ้นแล้วในกรณีของชญาดา  กลับปรากฏว่า ไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและจริงจังจากกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย จนทำให้ ผู้ทุจริตตัวจริงนั้นรอดพ้นจากการถูกตรวจสอบเอาความผิดไปได้ ในขณะเดียวกันผู้ออกมาร้องเรียนก็ต้องพบกับพิษภัยจากผู้เกี่ยวข้องการทุจริตด้วย

เรื่องราวของชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์   ผ่านมาแล้ว 8 เดือนด้วยกัน มันสะท้อนให้เห็นถึง   (1.)มีการปั้นแต่งตัวเลขความเสียหายที่คลาดเคลื่อนความจริง เพื่อเอาผิดยิ่งลักษณ์  ชินวัตร และพวก ทำให้ความเสียหายโครงการนี้เกิดความเสียหายมากยิ่งขึ้นไปอีกในการให้สถาบันการเงินไม่จ่ายเงินกับชาวนา เป็นเหตุให้ชาวนาฆ่าตัวตายและถูกนำมาขยายผลโจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์  เพื่อประโยชน์การสมคบคิดก่อการรัฐประหาร22 พฤษภาคม 2557 (2.) การทุจริตที่ปรากฏในขั้นตอนการออกใบประทวน และ การจ่ายเงินของธนาคารเกินความจริง มีส่วนต่างเข้ากระเป๋าใครบางคนนับพันล้านบาท  แต่ไม่มีการตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะมุ่งหวังเพียงแค่โค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (3. )ผู้ที่ทำหน้าที่ซื่อสัตย์ สุจริตปกป้องประโยชน์ของรัฐในกรณี ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์  กลับถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้าย ต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้าย โดยรัฐบาลปล่อยให้เรื่องดังกล่าวเงียบหายไปเอง   4. การทุจริตจะฝังรากลึกและทรงอิทธิพลเหนือกระบวนการตรวจสอบ (เพราะรัฐเผด็จการแต่งตั้งองค์กรตรวจสอบเสียเอง) เพียงแต่จะถูกนำมาใช้ในการทำลายล้างทางการเมืองมากกว่าจะเป็นการกำจัดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างแท้จริง

ประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อาจไม่ได้รับรู้ความจริงในเรื่องนี้ จึงได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 ว่า “รัฐบาลนี้ เก่ง ไม่เก่ง ดูเอาเองก็แล้วกัน แต่สิ่งหนึ่งคือรัฐบาลนี้ไม่โกง “     ถูกต้องแล้ว ขอยืนยันอีกคนว่า  รัฐบาลประยุทธ์ไม่โกง เพราะ องค์กรตรวจสอบการโกงทั้งหมด ได้รับการแต่งตั้งมาจากประยุทธ์เสียเอง จึงทำให้การโกงกลายเป็นการไม่โกงไป  และที่สำคัญ รัฐบาลประยุทธ์ปล่อยให้คนโกงลอยนวลอยู่ในหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐและปล่อยให้ พนักงานของรัฐที่ออกมาแฉทุจิตต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้าย จากการแฉทุจริตดังตัวอย่างของชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์  ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด

สมยศ พฤกษาเกษมสุข – รายงาน 23 เมย.62

chayadamay

twoland5

“สองแผ่นดิน” บันทึกเรื่องราวเป็นกวีศิลป์แห่งความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดรวดร้าวจากการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ควรค่าต่อการเป็นเจ้าของ  คำนิยมโดยวัฒน์ วรรลยางกูร กวีกบถนอกราชอาณาจักร  รายได้สนับสนุนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยนักโทษการเมือง นำผู้ลี้ภัยกลับบ้าน  ราคา 150 บาท  ค่าส่ง 20.00 บาท รวม 170 บาท  สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0  ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com  หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005