บทความ

จากคำสั่งประหารสู่การอุ้มฆ่า


60179014_2249543701795538_5891967605601730560_n

เผด็จการสฤษดิ์  ธนรัชต์   ใช้อำนาจตามาตรา 17 สั่งยิงเป้า ใครก็ได้ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง หรือเป็นคู่ปรปักษ์ ระยะแรกของการใช้อำนาจนี้จะกระทำต่อบุคคลที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสังคม เช่นคนวางเพลิง  ทำให้ประชาชนยินดีกับการใช้อำนาจป่าเถื่อนตามอำเภอใจของเผด็จการสฤษดิ์ ธนรัชต์   หลังจากนี้ก็ได้ใช้อำนาจนี้ จัดการกับผู้นำประชาชนที่ต่อต้านคัดค้านเผด็จการทหารในยุคนั้น ด้วยข้อหา  มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์    การสั่งประหารชีวิตแบบนี้แม้ป่าเถื่อน โหดร้าย แต่มัน เปิดเผย มีขั้นตอนการประหารชีวิตที่แน่นอน เช่นให้จัดการเรื่องพินัยกรรมหรือได้สั่งเสียญาติมิตรครั้งสุดท้ายก่อนการประหารชีวิต  ให้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา  ชำระร่างกายและกินอาหารมื้อสุดท้าย   การยิงเป้ามีการบันทึกภาพและประวัติผู้ถูกสังหารกันทุกคน    แต่มาภายหลัง 14 ตุลาคม 2516 ช่วงประชาธิปไตยเบ่งบาน  การใช้อำนาจเผด็จการทำไม่ได้   แต่ทว่า ได้ใช้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ  ด้วยงบลับทางการทหาร ลอบสังหารแกนนำนิสิต นักศึกษา   กรรมกร ชาวนา จำนวนมาก เป็นที่รับรู้กันต่อมาว่าการลอบสังหารล้วนเกี่ยวข้องเป็นฝีมือทางการทหารทั้งสิ้น

ต่อมาในยุคใหม่ การจัดการสั่งฆ่าใช้วิธีการอุ้มฆ่า ทำให้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  ญาติมิตรไม่รับรู้ไม่สามารถสืบค้นร่องรอยใดๆไปถึงฆาตกรได้และที่แน่นอน การลอบฆ่าแบบนี้มักจะเป็นการฆาตกรรมทางการเมือง เป็นการสั่งการจากรัฐเผด็จการกระทำต่อผู้มีความขัดแย้งหรือมีความคิดแตกต่าง  ซึ่งมักจะเป็นแกนนำที่เคลื่อนไหวต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยนั่นเอง ตัวอย่างปรากฏขึ้นอย่างเช่นนายทะนง โพธิ์อ่าน ประธานสภาแรงงานที่ถูกอุ้มหายไปเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2534 เพราะเหตุว่า นายทะนง โพธิ์อ่าน จะเดินทางไปประชุมกับองค์กาแรงงานระหว่างประเทศและประกาศว่าจะเปิดโปงการัฐบาลทหารในยุคนั้นทำการยุบสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงถูกอุ้มฆ่าตายไป โดยปรากฏร่องรอยรอยเท้าทหารในรถตู้ที่นายทะนงเป็นคนขับที่หน้าสำนักงานสหภาพแรงงานขนส่งสินค้าออก

การอุ้มฆ่าเกิดขึ้นหลายคนหลายครั้งด้วยกันและมีการยกระดับปฏิบัติการอุ้มฆ่าได้แนบเนียน ไร้ร่องรอยมากยิ่งขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีบทบาทในการต่อสู้ให้กับประชาชนทั้งสิ้น อาทิเช่น ทนายความสมชาย นีละไพจิต ให้ความช่วยเหลือต่อผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตสามจังหวัดภาคใต้ หรือไม่ก็ในกรณีนายอัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอารเบียที่เข้ามาติดตาม เพชรบลูไดมอน ที่หายไปในเมืองไทยก็ถูกอ้มฆ่าเอาไปเผานั่งยาง จนคดีเกือบหมดอายุความจึงมีการกล่าวหาตำรวจชุดอุ้มฆ่า(หนึ่งในนั้นมีส่วนสัมพันธ์กับรัฐประหาร19กันยายน 2549) แต่ศาลก็ให้ยกฟ้องไปเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอเอาผิดได้

การอุ้มฆ่าเป็นการบังคับให้สูญหาย  รัฐเผด็จการทหารสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้เพราะถือว่า ไม่มีผู้ตายเกิดขึ้น ไม่สามารถนำสืบต่อไปได้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยี่การสืบสวน – สอบสวนของตำรวจจะมีความก้าวหน้าไปมาก แต่ทว่าเมื่อเป็นการกระทำของรัฐเสียเองก็ไม่มีการสืบสวน สอบสวน ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเอง หรือดำเนินคดีแต่ก็ยกฟ้องไปทุกกรณี

การอุ้มฆ่า ไม่ใช่แต่เพียงเหยื่อที่ถูกกระทำให้ได้รับความทรมานการเสียชีวิตเท่านั้น  สภาพศพจะถูกทำลาย ด้วยวิธีการเผานั่งยาง และการนำไปถ่วงน้ำ ซึ่งทำให้ไม่ปรากฏร่อยรอย เช่นลายนิ้วมือของฆาตกรหลงเหลือได้อีก ไม่เพียงแต่เหยื่อที่ถูกทำลายลงอย่างอำมหิตแล้ว ยังทำให้ครอบครัว ญาติมิตรของเหยื่อเหล่านั้นพบกับความยากลำบากและความยุ่งยากในการจัดการทรัพย์สินหรือทำนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเหยื่อที่ถูกอุ้มฆ่าอีกด้วย  สร้างความทุกข์ทรมานแสนสาหัสให้กับครอบครัวตามมาอีกด้วย

แม้ว่าเราจะมีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งแต่การอุ้มฆ่าไม่ได้หมดไปด้วย ประเพณีการปกครองประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขยังมีอำนาจเถื่อนฝังรากลึกในกลไกการใช้ความรุนแรง และเมื่อเผด็จการทหารสามารถโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนได้ ก็พร้อมจะใช้ความรุนแรงทั้งในการออกคำสั่งเถื่อนให้กลายเป็นกฎหมายและในแง่การใช้อำนาจมืดทำร้ายร่างกาย และการอุ้มฆ่าอย่างโหดเหี้ยม

ปฏิบัติการปราบปรามประชาชน โดยหน่วยงานความมั่นคงทางทหาร ประสานกับตำรวจ จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษขึ้นเป็นการเฉพาะที่ไม่มีการเปิดเผย  แบ่งระดับกลุ่มเป้าหมาย ระดับต่างๆกันใช้ยุทธวิธีที่แตกต่างกัน อาทิเช่น การตั้งหน้าตั้งตาแจ้งความดำเนินดีกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวประชาธิปไตย   การทำร้ายร่างกาย การเยี่ยมบ้าน การข่มขู่คุกคาม การปลอมตัว ตลอดจนปฏิบัติการจิตวิทยาการปล่อยข่าวลือ

ความสามารถการอุ้มฆ่ายังพัฒนามาสู่การอุ้มฆ่าข้ามประเทศได้อีกด้วย ปรากฏการณ์อุ้มฆ่าผู้ลี้ภัยในประเทศลาวและเวียดนามจึงเป็นปฏิบัติการขั้นสูงสุดของการอุ้มฆ่า ซึ่งทีมงานอุ้มฆ่าไม่ใช่อาชญากรธรรมดา เพราะต้องใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศ จึงมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางประการระหว่างกลไกรัฐระหว่างประเทศ กระทั่งเป็นผลประโยชน์แลกเปลี่ยนแบบเสนอค่าหัวไล่ล่า เป็นแรงจูงใจให้กลไกท้องถิ่นร่วมมือในการอุ้มฆ่า กระทั่งการอุ้มฆ่าแบบแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศ

การลี้ภัยทางการเมืองจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ละประเทศมุ่งสู่การค้าและการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ความมั่นคงของรัฐ โดยไม่ได้คำนึงถึงศีลธรรมหรือสิทธิมนุษยชน การอุ้มฆ่า การกดดันให้ส่งตัวกลับประเทศกระทำได้ง่ายและโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้กลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศยังไม่สามารถให้ความคุ้มครองผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้  บรรดาผู้ลี้ภัยเหล่านี้จึงต้องเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้ายในการดำรงชีวิตและต้องเสี่ยงภัยกับการอุ้มฆ่าดังตัวอย่างของ ผู้ลี้ภัยประเทศลาว 5 คน โดยสามคนถูกจับเข้ามาประเทศไทยแล้วทำการสั่งหารนำศพถ่วงแม่น้ำโขง และล่าสุดการที่รัฐบาลเวียดนามส่งตัวนาย ชูชีพ ชีวะสุทธิ์(ลุงสนามหลวง) 2. กฤษณะ ทัพไทย(สหายยังบลัด)3.สยาม ธีรวุฒิ หรือสหายข้าวเหนียวมะม่วงกลับประเทศไทย ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 เวลาตอนบ่ายของเวียดนาม แต่ทว่าการส่งตัวกลับประเทศไทยนั้น ทางการรัฐบาลไทยไม่รู้ ไม่เห็นไม่ทราบ จึงทำให้เชื่อได้ว่า ทั้งสามคนมีชะตากรรมเดียวกันกับผู้ลี้ภัยสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และพวกในประเทศลาว คือ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและในสุดเรื่องนี้ก็เงียบหายไป

กล่าวโดยสรุป เผด็จการทหารแบบสฤษดิ์ ธนรัชต์ แม้ว่า โหดเหี้ยม ประหารชีวิตประชาชนตามอำเภอใจ แต่เปิดเผย เป็นขั้นตอน  ย่อมดีกว่า เผด็จการยุคปัจจุบันที่โหดเหี้ยม แต่ซ่อนเร้น พรางตัว สร้างข่าวความสับสน ทำให้ผู้สังการและผู้ลงมือสังหารลอยหน้าลอยตาและเข้ามาเยาะเย้ยผู้ถูกกระทำ ผู้ตายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บใน Social Medias ได้อย่างน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

สมยศ พฤกษาเกษมสุข 14.5.62

WhatsApp-Image-2019-05-13-at-14.07.251

twoland5“สองแผ่นดิน” บันทึกเรื่องราวเป็นกวีศิลป์แห่งความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดรวดร้าวจากการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ควรค่าต่อการเป็นเจ้าของ  คำนิยมโดยวัฒน์ วรรลยางกูร กวีกบถนอกราชอาณาจักร  รายได้สนับสนุนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยนักโทษการเมือง นำผู้ลี้ภัยกลับบ้าน  ราคา 150 บาท  ค่าส่ง 20.00 บาท รวม 170 บาท  สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0  ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com  หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005