ข่าว

รู้จักกับ “ สว. เพี้ยน “ ชาญวิทย์ จริยานุกูล


 

20190622_070547

รู้จักกับ “ สว. เพี้ยน “ ชาญวิทย์ จริยานุกูล
จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สู่ป่าเขาและแดนตะราง

โดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข

ชาญวิทย์  จริยนุกุล ชายสูงวัย65ปีถูกกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและก่อการร้าย ถูกจองจำเป็นสว.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 4 ปี 4 เดือนเต็ม วันที่ 21 มิถุนายน 2562 ศาลทหารให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 50000 บาท จากการระดมทุนของทนายประเวศน์ ประภานุกูล ที่เคยติดคุกและอยู่แดนเดียวกับเขา  

ชาญวิทย์ จริยานุกูล เขาเป็นอดีตนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่รุ่นราวคราวเดียวกันกับจาตุรนต์ฉายแสง แต่เขาเรียนไม่จบเพราะเหตุการณ์6ตุลาคม2519 ที่ทำให้เขาต้องลี้ภัยไปอยู่เขตฐานที่มั่นเขต 8 ดอยยาวผาหม่น  จ.เชียงรายใช้ชื่อว่า “ สหายช่วง “  ซึ่งขณะนั้นมีสหายเชี่ยว เป็นสหายนำ( เพิ่งสิ้นชีวิตไปไม่กี่วันที่ผ่านมา)  เขาออกมาทำงานขยายมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่ก่อนที่จะเข้ากรุงเทพมาทำงานมวลชนให้กับองค์กรประชาธิปไตยหลายแห่งและมาทำงานให้กับสหภาพแรงงานการรถไฟที่มีสมศักดิ์ โกศัยสุขและสุนทร บุญยอด(ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่) เป็นแกนนำอยู่แต่ทว่า หลังรัฐประหาร 2549 ชาญวิทย์ จริยานุกูลและสุนทร บุญยอดก็แยกตัวออกมาจากสมศักดิ์ โกศัยสุข ด้วยแนวทางการเมืองที่แตกต่างกัน

ชาญวิทย์ จริยานุกูล  ไปเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ด้วยการเก็บผ้าปูนั่งและนำมามาแจกจ่ายให้กับผู้มาชุมนุมในวันถัดมา เขาจึงดำรงชีพอยู่ได้ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สมถะ กินอยู่ เรียบง่าย ได้ข้าวจากการชุมนุมประท้วง ได้รายได้เล็กน้อยจากการจัดเก็บผู้ปูที่นั่ง ในเวลาเดียวกันนี้เขาก็นำ แถลงการณ์คณะราษฎรฉบับที่1 แจกจ่ายผู้เข้าร่วมชุมนุม  จนถูกดุด่าว่ากล่าว แต่เขาก็อยู่ได้ด้วยความอดทน มุมานะทำการแจกจ่ายใบปลิวดังกล่าวไปทุกหนแห่งทั้งป้ายรถเมล์ ร้านกาแฟ  บนรถไฟฯลฯจนกระทั่งเขาได้ทำใบปลิวขนาดยาวเป็นการรวบรวมความรู้ทางโหราศาสตร์อย่างดีทำนายทายทักความเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศที่จะบังเกิดขึ้น  เขาจึงถูกตำรวจจับที่ท่าน้ำนนท์ในเดือนพฤศจิกายน 2551 ในข้อหา ตามมาตรา 112  เขาได้ประกันตัวออกมา เวลานั้นหลายคนมองว่าเขา “ เพี้ยน” ด้วยความรู้ ทางประวัติศาสตร์มากมาย และแตกต่างไปจากบุคคลอื่นทั่วไป

โดยความจริงแล้วในช่วงนั้น สถานการณ์บ้านเมืองไม่ได้เป็นไปตามคำทำนาย  แต่ทว่ามันบังเกิดขึ้นเป็นจริงในช่วงปี 2553-2560  จึงอาจจัดให้เขาอยู่ในฐานะผู้มาก่อนกาลเวลาอันสมควร

7 มีนาคม 2558 เกิดเหตุระเบิดด้านลานจอดรถศาลอาญาเสียหายเล็กน้อย ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้2คน และขยายผลจากรายชื่อโทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุมาจับกุม เขาในวันถัดมา ชาญวิทย์ จึงถูกคุมขังอยู่แดน 3 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ รวม 4 ปี 4 เดือน ในส่วนของมาตรา 112 เขารับโทษและได้รับการพระราชทานอภัยโทษ 2ครั้งจนหมดสิ้นไปแล้วเหลือแต่คดีก่อการร้ายที่ยังคงอยู่ในการพิจารณาของศาลทหารในขณะนี้

ระหว่างที่ถูกจองจำ เขาเป็นบุคคลที่เก็บตัวเงียบ ไม่อาจสุงสิงวิสาสะกับผู้อื่นได้ ด้วยความรู้มากมายในตัวเขาและด้วยทัศนะทางการเมืองที่ฟังแล้วมันแสลงรูหูของคนไทยหัวโบราณจำนวนหนึ่ง แต่ทว่าความคิดของเขานั้นแปลกแยกกับนักโทษคนอื่นๆ  และเจ้าหน้าทีราชทัณฑ์ เขาจึงถูกนักโทษคนอื่นระบุว่า เขามีอาการ “รั่ว” หรือเรียกได้ว่ามีความคิดค่อนข้างจะ”เพี้ยน” คนหนึ่ง เพราะว่าคิดแตกต่างไปจากประเพณีความเชื่อของคนทั่วไปนั่นเอง

สำหรับตัวเขาหลังจากได้รับการปล่อยตัวออกมาจึงเป็นชีวิตที่ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ ศรีไพร นนทรี แกนนำกรรมกรย่านรังสิตซื้อเสื้อผ้าให้เขา  เขาไม่มีครอบครัวด้วยการอุทิศตน ใช้ชีวิตอัตคัดขัดสนมาโดยตลอด ไม่มีบ้านอาศัย ถือได้ว่าเป็นชนชั้นไร้สมบัติอย่างแท้จริง และในวัย 65 ปี วันแรกของอิสรภาพ เขายังมีความทรงจำ ทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างดี สามารถบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปต่างๆ สามารถระบุชื่อเสียงเรียงนามของบุคคลต่างๆและวันเดือนปีอย่างแม่นยำ (เมื่อเทียบกับผมวัย 57 ปี ความทรงจำเกี่ยวกับเพื่อนและผู้คนที่รู้จักเลือนหายไปมากมายหลังจำคุกอยู่ 7 ปี )

เขายังต้องต่อสู้ในคดีก่อการร้ายในศาลทหารต่อไปอีกยาวนานหลายปี การประกันตัวเขามีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศและแสดงความเห็นการเมืองสาธารณะ

คืนแรกของอิสรภาพเขาไม่มีที่พัก บรรดาเพื่อนที่ไปรับที่หน้าเรือนจำ จึงนำเขาส่งมาพักอยู่กับผม เป็นการชั่วคราวเพื่อหาที่พักใหม่ในบั้นปลายของชีวิต แต่ทว่าวันนี้ชีวิตเขาตั้งต้นที่ศูนย์ จึงเคว้งคว้าง และอิสรภาพของเขาก็แทบไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อไม่มีเงิน เขาไม่สามารถไปไหนได้เลยก็เหมือนถูกจองจำอีกครั้งนั่นเอง

มีเพียงหนังสือที่บ้านของผมที่เขาหยิบมากองหนึ่งตั้งแล้วนั่งอ่านมันไปสำหรับอิสรภาพวันแรกวันต่อไปโดยไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตและจบชีวิตตัวเองลงอย่างไรในชีวิต

chanvit

twoland5

“สองแผ่นดิน” บันทึกเรื่องราวเป็นกวีศิลป์แห่งความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวด ความหวังและการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ควรค่าต่อการเป็นเจ้าของ  คำนิยมโดยวัฒน์ วรรลยางกูร กวีกบถนอกราชอาณาจักร  รายได้สนับสนุนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยนักโทษการเมือง นำผู้ลี้ภัยกลับบ้าน  ราคา 150 บาท  ค่าส่ง 20.00 บาท รวม 170 บาท  สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0  ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com  หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005