มีทหาร-ตำรวจไว้ทำพ่อกันทำไมว๊ะ !

เผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชาได้อำนาจมาจากการรัฐประหารและสืบทอดอำนาจมาด้วยความรุนแรงแอบแฝง จึงเหิมเกริมใช้อำนาจบาตรใหญ่ สั่งโยกย้ายข้าราชการนับพันคน แล้วเอาพวกพ้องเข้าไปสวมต่ออำนาจรับใช้เผด็จการ ยิ่งเหิมเกริมเข้าไปอีกถึงขั้นเข้าไปควบคุมสามเหล่าทัพทหาร-ตำรวจด้วยแล้วย่อมนำมาสู่ความขัดแย้งที่เป็นสนิมเนื้อในรุนแรงมากยิ่งขึ้น เหตุระเบิดกลางกรุงเทพเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลประยุทธ์แถลงนโยบายและระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนการแสดงความไม่พอใจต่อการที่ประยุทธ์ เข้าไปควบคุมกำกับ 3เหล่าทัพและตำรวจด้วยตนเอง

เมื่อปี 2559 เกิดเหตุระเบิดภาคใต้ 7 จังหวัด ระหว่างวันที่11-12สิงหาคม 2562 อะไรจะบังเอิญสอดคล้องต้องกันเสียนี่กระไรในปี 2562 เกิดเหตุระเบิด 11 จุดในกทม.คือเกิดขึ้นระหว่างวันที่1-2 สิงหาคม 2562 ความบังเอิญนี้ก็คือเลขรหัสปริศนาหมายเลข 1 กับ 2 นั่นเอง

ยิ่งผบ.ทบ.และผบ.ตร.ออกมาพูดว่าเป็นฝีมือกลุ่มเดิมด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องอันน่าหวาดผวาและสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร

ความรุนแรงครั้งนี้เป็นไปตามกฎฟิสิกซ์ เมื่อเริ่มต้นจากความรุนแรง มันก็ต้องจบลงด้วยความรุนแรงและจะแรงมากยิ่งขึ้น

เหตุระเบิดที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน จับกุมพวกเสื้อแดงฮาร์ตคอร์ก็ราบคาบไปหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นการที่ทั้ง3 เหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปล่อยให้คนกลุ่มเดิมก่อเหตุร้ายจากปักษ์ใต้มาสู่กลางกรุงเทพถึง11จุด ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ คนร้ายก่อเหตุเป็นคนกลุ่มเดิมหมายความว่าที่ผ่านมาจับได้ก็แต่พวกแพะรับบาปใช่ไหม ?

มันน่าอับอายเสียนี่กระไร ที่ผ่านมากองทัพทำได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร ก็คือ เอาสไนเปอร์ไปไล่ยิงพวกเสื้อแดงตายไป99ศพ , ไปแจ้งความเอาผิดกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ไปจัดซื้อรถถังกับเรือดำน้ำหลายหมื่นล้านบาท แต่คราวนี้เกิดเหตุวางระเบิดแบบเหยียบจมูกเพราะไปวางระเบิดที่กองทัพไทย และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ทหาร-ตำรวจทำอะไรไม่ได้เลยในการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เมื่อไม่สามารถจับคนร้ายและผู้บงการได้ ทั้งในอดีต- ปัจจุบัน อีกทั้งพวกนายพลยังกินเงินเดือนคนละ 2-3 ตำแหน่ง จนร่ำรวยกันถ้วนหน้าด้วยแล้ว เท่ากับว่า เป็นการเลี้ยงเปลืองข้าวสุกเสียนี่กระไร

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะมีกองทัพ-ตำรวจเอาไว้ทำหาพ่อกันทำไมกันว๊ะ ?

สมยศ พฤกษาเกษมสุข 2.8.62