บทความ

เจตนาฆ่าเล็งเห็นผล (ทศวรรษวันสังหารโหดคนเสื้อแดง 19.5.63)


รถทหาร2

รถทหไาร

ทหารP9146436-31

Red-Shirt Rally Bangkok May 18, 2010

เจตนาฆ่าเล็งเห็นผล (ทศวรรษวันสังหารโหดคนเสื้อแดง 19.5.63)

รถลำเลียงทหารและอาวุธที่นำมาเข่นฆ่าประชาชนระหว่าง 10 เมย.-19 พค.2553 นั้นเตรียมการปกปิดมาอย่างดีด้วยกันปกปิดทะเบียนรถและหน่วยงานสังกัดกันทุกคัน ไม่สามารถสืบค้นได้ว่าเป็นของหน่วยงานหรือมาจากค่ายทหารค่ายใดส่วนทหารที่ทำหน้าที่สังหารประชาชนเพื่อสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงระหว่าง 10 เมษายน-19พฤษภาคม 2553 นั้น ให้ใส่เสื้อชุดทหารใหม่แกะกล่อง ไม่มีชื่อ และหน่วยงานปรากฏอีกเช่นกัน ส่วนอาวุธที่นำมาใช้ฆ่าประชาชนหรือสลายการชุมนุมคือ ปืนไรเฟิล หรือปืนเล็กยาว M16 ที่เคยใช้ในสงครามเวียดนามมาก่อน และปืนทาโว่ เป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก ใช้ก็ต่อเมื่ออยู่ในภาวะสงครามเท่านั้น ยังมีการใช้หน่วยพลซุ่มยิง ด้วยปืนไรเฟิลซุ่มยิงระยะไกลหรือ Sniper คือหนึ่งในอาวุธที่มีบทบาทในการปัฎิบัติการรบทางยุทธวิธีและต่อเป้าหมายใช้ในสงครามเพื่อการสังหารผู้นำของฝ่ายตรงข้าม เป็นการเฉพาะ  ยังปรากฏรายงานอีกว่า มีการเบิกใช้กระสุนปืนจริงตั้งแต่ 11 มีนาคม – 19 พฤษภาคม 2553 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 597,500 นัด และภายหลังได้นำไปคืนกรมสรรพาวุธ 479,577 นัด หรือ เท่ากับมีการใช้กระสุนในการสลายการชุมนุม 117,923 นัด ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นกระสุนจริง 111,303 นัด และเป็นกระสุนซุ่มยิง 2,120 นัด

ทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะบอกได้ว่ามีการวางแผนที่มีเจตนาฆ่าเล็งเห็นผลไว้ล่วงหน้า หากต้องการใช้การสลายการชุมนุมจริงๆ ก็ต้องใช้ตำรวจปราบปรามจลาจล และใช้เครื่องมือสลายการชุมนุมเช่นการฉีดน้ำ หรือใช้แก๊สน้ำตา ไม่ใช่ใช้กำลังหทารที่ปกปิดตนเองและอาวุธสงคราม ที่มาใช้เข่นฆ่าประชาชนโดยคิดว่าบุคคลเหล่านี้เป็นอริราชศัตรูที่ต้องฆ่าให้ตายทั้งหมด

คนที่ตายทั้งหมดไม่มีใครที่มีอาวุธ  ไม่ใช่ชายชุดดำ  หลายรายเป็นหน่วยกู้ภัย พยาบาล ที่สวมใส่ชุดขาว  เท่าที่ปรากฏมีเพียงขวดน้ำ ธงชาติ มือเปล่า ก้อนหิน มีการใช้ระเบิดเพลิงที่ทำกันเองใช้ตอบโต้กำลังทหารที่บุกเข้ามาสลายการชุมนุมด้วยอาวุธสงคราม  การยิงเข้าไปในวัดปทุม เขตอภัยทาน โดยที่ประชาชนเหล่านี้เข้าไปหลบภัย  เป็นการสังหารแบบอำมหิต ป่าเถื่อนยิ่งกว่าเดรัจฉานในโลกนี้

ส่วนเรื่องเผาห้างสรรพสินค้า ก็เกิดขึ้นหลังจากทหารได้สาดกระสุนใส่ประชาชนล้มตายบาดเจ็บกันมากมายแล้วและสามารถเข้าควบคุมพื้นที่การชุมนุมได้ทั้งหมด  จนส่วนหนึ่งเกิดความโกรธแค้น และจำนวนหนึ่งหลบภัยเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแล้วถูกจับกุม ในภายหลังเมี่อมีการฟ้องร้องเป็นที่ชัดเจนว่า บรรดาผู้เข้าร่วมการชุมนุมของนปช.ที่เข้าไปภายในห้างสรรพสินค้านั้นเข้าไปหลบภัย  ไม่ปรากฏหลักฐานเป็นผู้วางเพลิง   เพราะภาพหลักฐาน เป็นคนละคนกัน  จึงยกฟ้องกันไปหมด

10 ปีผ่านไป รัฐไทยเป็นอภิสิทธิชนที่ถูกยกเว้นการกระทำความผิดเพียงเพื่อรักษาอำนาจป่าเถื่อนในการสังหารประชาชน และยังบิดเบือนความเป็นจริง ให้ร้ายป้ายสีประชาชนที่ถูกเข่นฆ่าให้ตายไปอีกด้วย

บาดแผล เลือด น้ำตา วิญญาณของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาเลือด 2553 รอการชำระสะสาง

สมยศ พฤกษาเกษมสุข 19.5.63

โฆณาไล่ล่า