( 30 กรกฎาคม 2563,ทำเนียบรัฐบาล) กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข น.ส.อาทิตยา พรพรม นายนรินทร์ อิสรยสิทธ์ิ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรม “ลูกหลานนักศึกษาล้างจาน : ล้างอยุติธรรม : ล้างบางรัฐบาลเผด็จการ” เพื่อแสดงสัญลักษณ์ขับไล่รัฐบาลเผด็จการ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลรื้อฟื้นคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ที่ถูกตั้งข้อหาคดีอาญา 5 ข้อหา ทั้งนี้มีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับจดหมายของกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
นายนรินทร์ อิสรยสิทธ์ ตัวแทนกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้กล่าวประณามรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ก่อให้เกิดความอยุติธรรม ช่วยเหลือนายวรยุทธรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในกระบวนการยุติธรรม แม้พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงในคดี แต่ถือเป็นการขายผ้าเอาหน้ารอด ไม่ได้แก้ปัญหาอย่างแท้จริง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลรื้อฟื้นคดีนายวรยุทธ โดยใช้หลักฐานเก่าที่ไม่ปรากฏในสำนวนคดี ตั้งเป็นหลักฐานใหม่
จากนั้น กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้ล้างจาน 3 ใบที่มีข้อความโจมตีรัฐบาลใบที่หนี่งเขียนข้อความว่า เศรษฐีขี่รถชนคนตายแล้วหนีพ้น ทหารปล้นประเทศได้เป็นใหญ่ เขมือบป่าลอยหน้าไม่เป็นไรตำรวจไทยมีไว้รับใช้โจร ใบที่สองเขียนข้อความว่า งบทหารผลาญภาษี –งดซื้ออาวุธ ใบที่สามเขียนว่า บัญฑิตตกงาน 500,000 คน ไม่มีเงินเยียยา เยียวยา 5000 บาทไม่ถ้วนหน้า ใบที่ 4 ซึ่งมีภาพพล.อ.ประยุทธ์ โดยตัวแทนกลุ่ม เป็นนักศึกษามหิดล สวมหน้ากากอนามัย สลับกันมาล้างคนละใบ ในความหมายว่า นักศึกษา ไม่ใช่แต่จะล้างจานช่วยพ่อแม่อยู่บ้านเท่านั้น แต่จะทำหน้าที่เพื่อสังคมในการล้างความสกปรกโสมมในสังคมไทย ส่วนใบที่สี่ ซึ่งเป็นรูปประยุทธ์ จันทร์ชา นส.อาทิตยา พรพรหม แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เป็นคนล้าง แต่ล้างไม่ออก จึงทำการทุบด้วยค้อน จานแตก โดย เศษกระเบื้องกระเด็นบาดที่มือของนส.อาทิตยา พรพรม ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาลมาทำแผลให้ หลังจากนี้ เทศกิจ อำเภอดุสิตได้นำตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ไปเสียค่าปรับ ด้วยเหตุที่ล้างจานไม่สะอาดและเทน้ำลงที่โคนต้นไม้
สำหรับข้อเรียกร้องต่อต่อรัฐบาลประยุทธ์มี สี่ข้อคือ
1.ขอให้รัฐบาลรื้อคดีขึ้นใหม่ โดยสามารถใช้หลักฐานเก่าที่ไม่ปรากฏในสำนวนคดีตั้งเป็นหลักฐานใหม่ในการรื้อฟื้นคดีได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลสารเสพติดแปลกปลอมในร่างกายจำเลยที่ให้โรงพยาบาลรามาธิบดีตรวจสอบพบถึง 4 สาร ซึ่งได้ถูกถอดออกจากสำนวน
2.ขอให้รัฐบาลตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดี ว่าบกพร่องในหน้าที่ กระทำการขัดกับระเบียบกระบวนการ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทุจริตคอร์รัปชั่น รับส่วย หรือประพฤติมิชอบอันทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
3.ขอให้รัฐบาลแยกอำนาจสอบสวนออกจากอำนาจการสืบสวนจับกุมของตำรวจ เพื่อไม่ให้เกิดระบบตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรมโดยมีผู้บังคับบัญชาคนเดียวกันซึ่งทำให้สามารถออกแบบคดีและสำนวนสอบสวนได้ รวมถึงกำหนดความผิดตามกฎหมายไว้สูงสุดหากมีการแทรกแซงคดี นอกจากนี้การสอบสวนทุกคดี ต้องมีการบันทึกภาพและเสียงไว้เป็นหลักฐานสำหรับใช้ในชั้นศาล
4.ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันกฎหมายปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมที่ค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร่างพ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ และ ร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา ที่ยังค้างอยู่เพื่อปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ รวมถึงร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาปรับแก้ไขและส่งให้รัฐบาลแล้ว เพื่อออกเป็นกฎหมายต่อไป
กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
46/428 ม.ริมสวน ประชาอุทิศ 12 ดอนเมือง กรุงเทพ 10210 โทร. 065-5575005
วันที่ 30 กรกฎาคม 2563
เรื่อง ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม จากกรณีปล่อยให้คนรวยหลุดพ้นจากการดำเนินคดี
เรียน นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา
การยุติการดำเนินคดีอาญากับนายวรยุทธ(บอส) อยู่วิทยา ทายาทหมื่นล้าน อาณาจักร Red Bullซึ่งถูกตั้งข้อหาเป็นคดีอาญา 5 ข้อหา รวมถึงข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความพยายามในการช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่ดียิ่งให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนที่ให้การช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาถูกลงโทษทางวินัย ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเองได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศและไม่ได้กลับมาต่อสู้คดีตามปกติเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานหลายปี เป็นเหตุให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความโปร่งใสและประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา โดยปรากฏว่า ภายใต้การบริหารงานรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว สองมาตรฐานและก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรงที่สุด ในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือคุกคามประชาชน มีการจับกุมผู้บริสุทธิ์ กลายเป็นแพะรับบาปเกิดขึ้นมากมายด้วยกัน เช่นการใช้พรก.ฉุกเฉินดำเนินคดีผู้ที่เรียกร้องความยุติธรรม กรณีการอุ้มฆ่านายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความรวดเร็ว โดยมุ่งที่จะกำจัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ขอประณาม รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ก่อให้เกิดความอยุติธรรมในการช่วยเหลือปล่อยให้คนรวยรอดพ้นการดำเนินคดีจากการกระทำความผิด ซึ่งมีอยู่หลายกรณีด้วยกัน เป็นความอัปยศและความเน่าเฟะในกระบวนการยุติธรรม บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรม จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลในการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมให้ดีขึ้นดังต่อไปนี้
1.ขอให้รัฐบาลรื้อคดีขึ้นใหม่ โดยสามารถใช้หลักฐานเก่าที่ไม่ปรากฏในสำนวนคดีตั้งเป็นหลักฐานใหม่ในการรื้อฟื้นคดีได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลสารเสพติดแปลกปลอมในร่างกายจำเลยที่ให้โรงพยาบาลรามาธิบดีตรวจสอบพบถึง 4 สาร ซึ่งได้ถูกถอดออกจากสำนวน
2.ขอให้รัฐบาลตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดี ว่าบกพร่องในหน้าที่ กระทำการขัดกับระเบียบกระบวนการ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทุจริตคอร์รัปชั่น รับส่วย หรือประพฤติมิชอบอันทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
3.ขอให้รัฐบาลแยกอำนาจสอบสวนออกจากอำนาจการสืบสวนจับกุมของตำรวจ เพื่อไม่ให้เกิดระบบตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรมโดยมีผู้บังคับบัญชาคนเดียวกันซึ่งทำให้สามารถออกแบบคดีและสำนวนสอบสวนได้ รวมถึงกำหนดความผิดตามกฎหมายไว้สูงสุดหากมีการแทรกแซงคดี นอกจากนี้การสอบสวนทุกคดี ต้องมีการบันทึกภาพและเสียงไว้เป็นหลักฐานสำหรับใช้ในชั้นศาล
4.ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันกฎหมายปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมที่ค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร่างพ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ และ ร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา ที่ยังค้างอยู่เพื่อปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ รวมถึงร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาปรับแก้ไขและส่งให้รัฐบาลแล้ว เพื่อออกเป็นกฎหมายต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อดำเนินการ หากรัฐบาลยังเพิกเฉยอีกต่อไป ย่อมนำมาซึ่งขาดความน่าเชื่อถือที่มาต่อรัฐบาลและประชาชนต้องขับไล่ต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นส.อาทิตยา พรพรม
กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย