บุรุษในวัย 30 ปี ปรากฏตัวในที่ชุมนุมคณะราษฎรทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เป็นที่สะดุดสายตาของผู้มาร่วมการชุมนุม ในชุดคร๊อปท๊อปสีขาว กางเกงวอร์มสีแดง ทรงและสีผมแบบเดียวกันกับ จัสติน บีเบอร์ ซุปเปอร์สตาร์ ขวัญใจสาววัยรุ่นในประเทศไทย เขาคนนี้คือ ชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือ จัสติน ของชาวม๊อบคณะราษฎร 2563
ไม่ใช่การแต่งกายที่ทำให้ต้องสะดุดตาเท่านั้น แต่ทว่าบัดนี้เขาถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ถึง4คดีจากการปราศรัยในหลายพื้นที่ด้วยกัน
จัสติน บีเบอร์ ไม่ใช่เฉพาะแต่คนหนุ่มสาวไทยทั่วไปที่คลั่งไคล้การแต่งกายเช่นว่านั้นแต่ทว่า แม้แต่บุคคลสำคัญในชนชั้นสูงหลายคนก็คลั่งไคล้แต่งกายเช่นนั้นจนลืมนึกถึง ความเป็นไทยที่ถูกปลูกฝังกันช้านานแล้ว ที่ฮือฮากันล่าสุดวันที่20 ธ.ค. 63 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน พร้อมด้วย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ก็แต่งกายชุดคร๊อปท๊อบมาเดินในห้างสยามพารากอน จนเป็นข่าวไปทั่วโลก
ชูเกียรติ แสงวงศ์ จบการศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม สาขาการดนตรี แต่ด้วยใจรักศิลปะการสักบนเรือนร่างเขาได้เรียนรู้ศิลปะการสักจากประสพการณ์ของตนเอง และยึดเป็นสัมมาอาชีพ เขาเติบโตมาจากย่านชุมชนแออัดในจังหวัดสมุทรปราการ ที่ทำให้เขารับรู้ถึงปัญหาคนจนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจนเป็นแรงจูงใจให้เขาก้าวเดินสู่การต่อสู้บนท้องถนนในนามของคณะราษฎร 2563 จนกลายเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 4 คดีด้วยกัน ซึ่งเขาต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ลุมพินีวันที่ 11 มค.64 เวลา 10.00 น.และที่สน.บุปผารามวันที่ 13 มค.64 เวลา 10.00
หลังจากนี้ชีวิตของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาเห็นว่า ทั้งกฎหมายและการฟ้องร้องตามมาตรา112 นั้นไม่เป็นธรรม เป็นการตีความที่กว้างขวางเกินไป ถูกใช้เป็นเครื่องมือของการละเมิดสิทธิเสรีภาพและใช้การปราบปรามประชาชน ส่วนกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดก็ถูกครอบงำโดยเผด็จการเพื่อจะได้ปิดปากประชาชนไม่ให้พูดถึงสถาบันกษัตริย์ การตกเป็นผู้ต้องหามาตรา 112 สร้างผลกระทบต่ออาชีพการงานที่ทำให้รายได้หดหายไปอย่างมาก แต่ทว่า เขาไม่ท้อถอย แต่ยังคงจะเดินหน้าต่อไป เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคน บนเส้นทางของการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและชีวิตที่ดีกว่าเดิมของประชาชนคนไทย
ประกายไฟ 