แนวรบต้านอยุติธรรม จากกรุงเทพถึงเชียงใหม่-ลุกเป็นไฟที่สมรภูมิสามเหลี่ยมดินแดง

แนวรบต้านความอยุติธรรม จากกรุงเทพถึงเชียงใหม่

แกนนำคณะราษฎร 11 คน ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัว ศาลอ้างว่าอาจไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นๆอีก ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2564 เป็นต้นมา  ประกอบไปด้วย 1. พริษฐ์  ชีวรักษ์  2.อานนท์ นำภา 3. ภานุพงษ์ จาดนอก 4. ณัฐชนน ไพโรจน์ 5 สิริชัย นาถึง 6   นายพรหมศร วีระธรรมจารี 7. หรือ แซม สาแมท 8. นายชาติชาย แกดำ 9.นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา 10.ปนัดดา ศิริมาศกูล(ต๋ง ทะลุฟ้า) 11.เวหา แสนชนชนะศึก 9 คนถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉย มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และ 2 คนคืออานนท์ นำภาและเวหา แสนชนชนะศึก ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112

ในจำนวนนี้ พริษฐ์ ,สิริชัย ,พรหมศร ติดเชื้อโควิดเข้ารับการรักษาและกักกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จากการเข้าเยี่ยมโดยทนายความพบว่า พริษฐ์ มีอาการหนัก ปอดมีฝ้าขาว หายใจติดขัด ถูกแยกไปรับการรักษาที่ชั้น6 โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แม่พริษฐ์ นางสุรีรัตน์ ชีวารักษ์ ทำหนังสือขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งตัวนายพริษฐ์เข้ารับการรักษาโควิดที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต แต่ถูกปฏิเสธ ทั้งนี้จะได้ไปยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ในวันจันทร์ที่23สิงหาคม 2564ที่กระทรวงยุติธรรมให้ส่งตัวพริษฐ์เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต

17 สิงหาคม 2564 ศาลอาญาไต่สวนคำร้องเมื่ออัยการให้เพิกถอนการประกันตัวของจตุภัทร บุญภัทรรักษาในคดี 19 กันยายน 2563 อ้างเหตุ แม้ไม่ผิดเงื่อนไขแต่ได้ไปก่อให้เกิดเหตุอันตรายประการอื่นอีก ศาลจึงให้ถอนการประกันตัวไป ในวันที่ 18 สิงหาคม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาลธัญบุรีเป็นครั้งที่2 แต่ไม่ได้รับการอนุมัติอ้างไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

20 สิงหาคม 2564 นพ.ทศพร เสรีรักษ์ และ สมยศ พฤกษาเกษมสุข นำอุปกรณ์การแพทย์ไปบริจาคให้โรงพยาบาลราชทัณฑ์ สอบถามอาการของพริษฐ์ ชีวารักษ์ นายแพทย์ยืนยัน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยังให้การรักษาพยาบาลได้ การย้ายไปรับการรักษาที่อื่นๆต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีราชทัณฑ์ ทั้งนี้นายพริษฐ์ เขียนจดหมายขอให้จัดหาหนังสือจำนวน 11 เล่มมาให้อ่านหวังเป็นราษฎร์บัณฑิตย์ ระหว่างการถูกคุมขัง

ทางด้านการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังอยู่นั้นนายสิริชัย นาถึง ได้อดอาหารมาตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2564  เรียกร้องสิทธิการประกันตัว ในขณะที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับโดย พันศักดิ์ ศรีเทพ ได้จัดกิจกรรมยืนหยุดขังหน้าศาลอาญาเริ่มวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ทุกวัน

ที่เชียงใหม่กลุ่ม We the People หรือ พลเมืองเสมอกันโดย ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักแปลชื่อดัง ร่วมกันทำกิจกรรม “ยืนหยุดทรราช” เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที เพื่อแสดงจุดยืนหลัง “รัฐทรราชพยายามหมุนเข็มนาฬิกาถอยหลังสู่อดีต ประชาชนพยายามไขลานนาฬิกาให้เดินหน้าสู่อนาคต” โดยเปิดกว้างให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมสามารถแสดงออกได้หลากหลายประเด็น ที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2564 เวลา 17.00 น.. มีชาวเชียงใหม่เข้าร่วมกว่า 60 คนมีนักวิชาการชื่อดังร่วมการยืนหยุดทรราชครั้งนี้อาทิเช่น  นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชัชวาล ปุญปัน, ไชยันต์ รัชกุล, ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี, นัทมน คงเจริญ, สมชาย ปรีชาศิลปะกุล ฯลฯ เป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกวัน

ในทุกวันอาทิตย์นี้ 23สค. เวลา 17.20 จะเป็นการเดินขบวน เรียงเดี่ยวบนบาทวิถีและรักษาระยะห่าง จากลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ไปท่าแพ เป็นการประจานความล้มเหลวแก้ปัญหาโควิดและทำให้วันอาทิตย์ของเชียงใหม่เงียบเหงา เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำคณะราษฎรที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในขณะนี้ ขอเชิญชวนชาวเชียงใหม่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

ในขณะที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงยังเป็นสมรภูมิสู้รบกันดุเดือดระหว่างกองกำลังตำรวจปราบปรามประชาชนพร้อมด้วยกระสุนแก๊สน้ำตา กระสุนยาง  รถฉีดน้ำ คลื่นเสียงความถี่สูง “แอลแรด”  เข้าปะทะกับกองกำลังเด็กแว้น และเยาวชนระหว่าง 12-18 ปีจำนวนระหว่าง 20-50 นาย ที่ใช้ก้อนหิน ขวดน้ำ พลุ เข้าเผชิญหน้าอย่างดุเดือดกับกองกำลัง ตำรวจปราบปรามประชาชน ซึ่งใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาไล่ยิง พวกเด็กๆอย่างเมามันจนเด็กๆ กระเจิงถอยร่นเข้าไปตามตรอกซอยย่านแฟลตดินแดง จนชาวบ้านออกมารวมตัวกันใช้เสียงด่าปะทะกับเสียงปืนของกำลังตำรวจปราบปรามจลาจล ที่ใช้ความป่าเถื่อนทำร้ายทุบตีเด็กๆอย่างทารุณโหดร้าย กิจกรรมการปะทะในสมรภูมินี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมและมีทุกวันตอนเย็นๆถึงสามทุ่ม   

ส่วนหนึ่งของเยาวชนอายุเพียง 14 ปี กล่าวว่า ที่ต้องมาปะทะกับตำรวจปราบปรามประชาชนทุกวันนอกจากรู้สึกสิ้นหวังต่ออนาคตตนเองที่พ่อแม่ตกงานที่เกิดจากรัฐบาลล้มเหลวต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด แล้วส่วนหนึ่งก็เพราะโกรธแค้นที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกระทำต่อประชาชนอีกทั้งยังจับกุมคุมขังแกนนำคณะราษฎรไปขังไว้ในคุกอีกด้วย

สมยศ พฤกษาเกษมสุข รายงาน 20 สิงหาคม 2564

เครดิตภาพ : ประชาไท / Thai PBS/ Ava Koomvong  

10 ปีที่ผ่านไปกับเรื่องที่อยากเล่าให้ฟัง 

มีเรื่องเล่าที่อยากเล่าให้ฟังในปี 2553 แต่ไม่มีโอกาสเล่าสู่ให้ฟังผ่านมาถึง 10 ปี ขนาดอาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ได้ช่วยรวบรวมบันทึกนี้และตั้งใจจะจัดพิมพ์ออกมาให้อ่านกันในช่วงที่ผมถูกจองจำ ก็สิ้นชีวิตไปเสียก่อน บันทึกนี้จึงล่องหนไป แต่แล้วบันทึกนี้ก็กลับมาถึงมือผมอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ผม จึงตัดสินใจนำมาทำเป็นหนังสือเล่ม ไม่ใช่เพื่อให้ผมมีลมหายใจต่อไปในยุคเศรษฐกิจลำเค็ญเท่านั้น แต่ทว่า บันทึกนี้จะเป็นการตอกย้ำอุดมคติของนักต่อสู้สำหรับทุกคนที่ถูกจองจำและสิ้นชีวิตไปด้วยปรารถนาเสรีภาพ-ประชาธิปไตย

สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0  ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com  หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005