
สาดกระสุนใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.64 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยการปราศรัยของอานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ในการชุมนุม 10 สิงหาคม2563 ที่ธรรมศาสตร์รังสิตว่า “เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และศาลรัฐธรรมนูญสั่งการให้ทั้ง 3 รวมถึงกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสองนั้น ก่อให้เกิดปฏิกิริยาไม่ยอมรับคำวินิจฉัยดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง
เกิดกระแสการคัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าว ทั้งออกในรูปของแถลงการณ์และการปิดป้ายข้อความประท้วงในหลายพื้นที่รวมทั้งเดินขบวนไปสถานทูตเยอรมันอีกด้วย
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้โพสต์เฟสบุ๊ควันที่ 11 พย.64 ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองประชาธิปไตยในประเด็นที่ว่า 1.สิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมการเมืองของพลเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย ถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล้มล้างจนมลายหายไปหมดสิ้น เท่ากับว่า ประชาธิปไตยของประเทศไทยมันถอยหลังไปถึงตอนตั้งต้นที่กรุงสุโขทัย 2.ที่บอกว่าการแสดงความคิดเห็นของอานนท์ รุ้ง ไมค์ ส่อเจตนาถึงขั้นล้มล้างเลยดูจะไม่ตรงกับความเป็นจริงของคำว่าล้มล้าง เพราะที่เอารถถัง เอากำลังทหารพร้อมอาวุธ มารัฐประหารนั้นเป็นการล้มล้างการปกครองประชาธิปไตยแต่ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญใดวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง
“ การบอกว่า อำนาจการปกครองของไทยนั้นเป็นของกษัตริย์มาโดยตลอด นั้นก็เท่ากับว่าไปล้มล้างมาตรา 3 รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ”
ในขณะที่ องค์กรนักศึกษาทั้ง 23 แห่ง ขอปฏิเสธกระบวนการไต่สวนและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยขอยืนยันว่า 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันของผู้ถูกร้องทั้ง 3 นั้น เป็นข้อเสนอที่จะทำให้สถาบันคงอยู่สถาพรในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างสง่างามทั้งนี้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 มิได้รับโอกาสขอไต่สวนเพิ่มเติมจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสู้คดีและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อศาล ด้วยการสั่งงดการไต่สวนโดยอ้างว่าพยาน หลักฐาน ข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้ว
ในวันที่14 พย.2564 เวลา 15.00 ‘กลุ่มไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์’ ประกอบด้วย แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มทะลุฟ้า, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย DRG, กลุ่มเหล่าทัพราษฎร, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย, SUPPORTER THAILAND, We Volunteer และคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ได้นัดหมายจัดการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเดินขบวนไปยังสำนักพระราชวัง แต่ฝ่ายตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์มาปิดกั้นพร้อมทั้งตั้งด่านสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนเดินทางเข้ามาที่ชุมนุม ทำให้กลุ่มไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประกาศเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมไปที่หน้าหอศิลป์ มีประชาชนกว่า 6000 คน ร่วมการชุมนุม นำโดยนายธัชพงษ์ แกดำ มีการเผาหุ่นที่แสดงความหมายถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน มาเผาในที่ชุมนุม แล้วพากันเดินขบวนไปที่สถานทูตเยอรมัน
สาดกระสุนใส่ผู้ชุมบาดเจ็บสาหัส 3 คน
เวลา 17.20 น.บริเวณหน้าสถาบันนิติเวชวิทยา ติดกับอาคารทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตำรวจปราบปรามจราจลตั้งแถวปิดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม มาถึงจุดเผชิญหน้าตำรวจล่าถอยแต่เกิดเหตุกระสุนยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัส 3 คนจนต้องนำส่งโรงพยาบาลจุฬา สองคนปลอดภัยแล้วส่วนอีกหนึ่งคนสาหัสยังเข้ารับการผ่าตัดที่ห้องฉุกเฉิน โฆษกกลุ่ม WeVo ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่ากระสุนออกมาจากด้านในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคนเก็บปลอกกระสุนได้ เป็นลูกซองเบอร์ 12
“ศรีสุวรรณ จรรยา ” ประกาศ ม็อบ 14 พ.ย. เจอ คุก คุก คุก เท่านั้น!
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความว่า การชุมนุมของกลุ่มไม่เอาสมบูรณาญาสิทธิราช เมื่อวันที่ 14 พ.ย.โดยระบุว่า “ม็อบ14พ.ย. คุก คุก คุก เท่านั้น เดี๋ยวเจอกัน” ในขณะที่กลุ่มนักรบองค์ดำสองคาบสมุทร ประกาศว่า ท้ายที่สุด ขอประกาศให้นักรบองค์ดำฯ ทุกจังหวัด และเครือข่ายนักรบองค์ดำฯทั่วประเทศคอยฟังสัญญาณจากส่วนกลางเตรียมพร้อมออกมาปกป้องราชบัลลังก์รัชกาลที่ 10
ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความ 15 พย.64 ว่า เนื้อหารุนแรงกว่าเดิม ด้วยการพูดว่าเป็นการต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลง ซึ่งเป็นการกล่าวหาพระมหากษัตริย์ด้วยข้อความที่เป็นเท็จการกระทำของเขาหลายอย่างเข้าข่ายทำผิดมาตรา 112 และน่าจะมีทั้งมาตรา 113 และมาตรา 116 ด้วย พวกเขาต้องการอะไร ทำไมต้องใช้ความรุนแรงเวลานี้
เวลา18.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมมาถึงหน้าสถานทูตเยอรมัน ตำรวจประกาศว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายขอให้สลายตัว โดยมีนางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้าออกมาตะโกนด่าตำรวจ กลุ่มผู้ชุมนุมส่งตัวแทนเข้าไปยื่นหนังสือในสถานทูตแล้วออกมาประกาศ นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิก 112 นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปฯ นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างฯ แต่คือการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จากนั้นนายธัชพงศ์ แกดำ แกนนำผู้ชุมนุม ได้ชวนมวลชนชู 3 นิ้ว ตะโกนพร้อมกันว่า ไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 3 ครั้ง
ขอบคุณภาพจาก UDD News /Voice TV / สำนักข่าวราษฎร /ประชาไท






