รำลึก 10 เมษาเลือด เยาวชนประกาศกร้าว “ไม่เอาแค่ยกเลิก 112”
วันที่ 10 เมษายน 2565 ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน มวลชนหลากหลายกลุ่มร่วมจัดงานรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษา 53 เพื่อทวงคืนความยุติธรรมพร้อมรำลึกวีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายชุมนุมสังหารหมู่คนเสื้อแดง กิจกรรมดังกล่าวมีการปราศรัยที่สำคัญของนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. คนสำคัญ
“คนเสื้อแดงที่เราสู้มาแล้ว 10 กว่าปี จะทิ้งลูกทิ้งหลานวันนี้ได้ยังไง? เพราะเราเคยเจ็บมาก่อน เราเคยตายมาก่อน ไอ้คนพวนี้มันทำผังล้ำเจ้า ใส่ชื่อผม ใส่ชื่อพวกเรามากมาย บอกว่าไอ้พวกนี้คิดร้ายทำลายบ้านเมือง ประสงค์ร้ายต่อสถาบันฯ เผยแพร่ผังล้มเจ้า กระพือโหมจนคนบางคนหลงเชื่อ เปิดหัวใจให้ฆ่าได้ ฆ่าแล้วก็ออกมาล้างถนน แล้วก็เดินหน้าชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป
คุณเคยใส่ร้ายป้ายสีประชาชนที่ใส่เสื้อสีแดง เอาผังล้มเจ้ายัดเยียดให้เรา อ้างข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูงจะไปโค่นล้มทำลาย แล้วคุณก็ทำร้ายเข่นฆ่าเรา แล้ววันนี้คณก็กล่าวหาลูกหลานคนหนุ่มคนสาวในข้อหาแบบเดียวกัน คุณจะให้ผมผลักไสลูกหลานไปให้พวกมึงฆ่าเหมือนฆ่าพวกกู กูทำไม่ได้”
ในช่วงเย็นของวันเดียวกันมีกิจกรรม “10 เมษา ฆาตกรลอยหน้า คนสั่งฆ่าลอยนวล” ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของคนรุ่นใหม่หลายกลุ่ม ได้แก่ 24 มิถุนาประชาธิปไตย, โมกหลวงริมน้ำ, กูkult, ทะลุกลอง, ราษฎร์ดรัมส์, ทะลุแก๊ส, ทะลุคุก, มังกรปฏิวัติ และ Zeitgeists ทำกิจกรรมปราศรัยและแสดงละครรำลึก 10 เมษา เพื่อคืนเกียรติยศ คืนความทรงจำ ทวงคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
โสภณ สุรฤทธ์ธำรง (เก็ต) โมกหลวงริมน้ำได้ปราศรัย เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งและมีส่วนในการสังหารหมู่คนเสื้อแดงออกมาขอโทษ โดยเก็ตได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอบพระคุณจริง ๆ ที่วันนั้นออกมาสู้ และขอบคุณที่วันนี้ยังสู้ด้วยกันอยู่ ไม่ว่าจะอยู่นอกประเทศ ในประเทศ พวกคุณมีคุณค่า และต่อจากนี้ผมขอสัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นใคร เราจะสู้ไปด้วยกัน สู้ไปให้ถึงเส้นชัย สู้จนกว่าจะได้ประชาธิปไตย สู้จนกว่าจะทำลายระบอบศักดินาได้ ทำลายระบอบอุปถัมน์ ทำลายระบอบอำนาจนิยม เราจะไปถึงเส้นชัยด้วยกัน เราจะสู้ไปจนกว่าคำว่าคนเท่ากัน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จะเท่าเทียมกัน”
หลังจากนั้นได้มีการแสดงละครที่ปลุกจิตสำนึกประชาธิปไตย ซึ่งมีเยาวชนนักเคลื่อนไหวที่ถูกดำเนินคดี ได้แก่ แซม สาแมท ตะวัน ตัวตุลานนท์ manee olive กฤษติพล ศิริกิตติกุล (โจเซฟ) แทนอุทัย แท่นรัตน์ บุรินทร์ อินติน ที่ถูกดำเนินคดี 112 ในรัฐบาลรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่วมแสดงละครเรื่อง ปิศาจที่ฆาตกรลอยหน้า คนสั่งฆ่าลอยนวลแต่อุดมการประชาธิปไตยส่งต่อมายังคนหนุ่มสาวราษฎรสามนิ้ว
กิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึก เมื่อธิษะณา ชุณหะวัณ อดีต กปปส. ทายาทของนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ออกมากล่าวขอโทษพี่น้องคนเสื้อแดงอย่างเป็นทางการ พร้อมได้กล่าวถึงความยุติธรรมที่พี่น้องคนเสื้อแดงจะต้องได้รับตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ต้องถูกรื้อฟื้นและมีกระบวนการเอาผิดอาชญากรรมรัฐกันต่อไป
ด้านสุพิชฌาย์ ชัยล้อม (เมนู-ทะลุวัง) เยาวชนที่ถูกดำเนินคดี 112 ได้กล่าวปราศรัยว่า “เราไม่เคยได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มันเป็นประชาธิปไตยที่มีการแทรกแซงมาโดยตลอด และการแทรกแซงนั้นไม่เคยเห็นหัวมนุษย์ ไม่เคยเห็นหัวประชาชน เราเชื่อมั่นในฐานะประชาชนว่าเราควรได้มากกว่านี้ ไม่ใช่การร้องขอ ไม่ใช่การไม่คำนึงถึงหน้าที่ มันคือสิทธิที่เราจะเรียกร้องชีวิตที่ดีขึ้น และเราเชื่อว่าคนเสื้อแดงก็เรียกร้องเหมือนเรา แต่ว่ามันใช้อาวุธ สุดท้ายผู้อำนาจก็ใช้การรุนแรงเพื่อแก้ปัญหาก่อนที่จะจบการปราศรัย เมนู จากกลุ่มทะลุวังได้ประกาศ เมื่อถูกยัดเยียดมาตรา 112 จนชีวิตพัง ยกเลิกมาตรา 112 ไม่พอแล้ว จะตอบโต้ให้หนักมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าการเรียกร้องข้อ 3 ไฟเย็น ท่ามกลางเสียงปรบมือของคนเสื้อแดงในงานอย่างล้นหลาม
เวลา 17.00 น. ได้มีการเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีแกนนำจากกลุ่มทะลุโลง 24 ขุนพล กลุ่มทะลุคุก และโรนิน มีกิจกรรมปราศรัยทะลุโลง โดย แซม สาแมท ตี้ วรรณวลี ลูกนัท อดีต กปปส. โฟนอินจาก ตั้ง อาชีวะ และการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วเคารพธงชาติ และร่วมกันตะโกน “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” กิจกรรมเผาโลงศพที่ติดภาพพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 19.00 น.
ข่าว: คเณศณัฏฐ์ สิมลาโคตร 10.4.65
เครดิตภาพ : ไข่แมวชีส
ประกายไฟ 