กระบวนการยุติธรรม

ศาลไม่ออกหมายเรียกพยานคดี 19 กันยา อ้างอาจทำให้กษัตริย์เสียหาย


(5 สิงหาคม 2565 ) ที่ห้องพิจารณา 704  ศาลอาญา รัชดาภิเษก มีนายกมล สุปรียสุนทร ผู้พิพากษา เจ้าของสำนวนคดี 19 กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ครั้งที่ 12 เลื่อนออกไปอีก สาเหตุมาจาก ศาลไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารรายละเอียดการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ของรัชกาลที่ 10  และเอกสารรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณส่วนราชการในพระองค์ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันกษัตริย์จะเปิดเผยไม่ได้ ตามพรบ.ข้อมูลข่าวสาร ในขณะที่ทนายความและจำเลยในคดีนี้ยืนยันว่า เป็นเอกสารพยานที่มีความสำคัญต่อคดีนี้ เพราะ ฝ่ายโจทก์กล่าวหาว่า จำเลยกล่าวคำปราศรัยเป็นเท็จ ฝ่ายจำเลยจำเป็นต้องพิสูจน์ว่า การกล่าวปราศรัยในคดีดังกล่าวเป็นความจริง

ทนายความนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ได้โต้แย้งต่อศาลว่า พยานเอกสารดังกล่าวมีความสำคัญในการซักค้านพยานโจทก์ เป็นอย่างยิ่ง โดยยกเปรียบเทียบว่า เหมือนกับคดีฆ่าคนตาย โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนฆ่าคนตาย แต่จำเลยไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อถูกฟ้องร้อง จำเลยจึงต้องขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานสำคัญคือกล้องวงจรปิด หากศาลไม่ออกหมายเรียกให้ จะให้จำเลยต่อสู้คดีพิสูจน์ความจริงได้อย่างไร

ทนายความกฤษฎางค์ นุตจรัส แถลงต่อศาลขอให้เลื่อนคดีออกไปอีกสองเดือน โดยทางฝ่ายจำเลยจะได้ร้องเรียนต่อกรรมาธิการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเอกสารพยานเกี่ยวกับงบประมาณในราชการส่วนพระองค์และการเดินทางเข้าออกประเทศไทยของรัชกาลที่ 10  เพื่อนำมาใช้ในการซักค้านพยานฝ่ายโจทก์

ในขณะที่พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้แถลงต่อศาลว่า ศาลต้องมีความสง่างาม อำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หลักฐานและความจริงของทั้งสองฝ่ายต้องได้รับโอกาสในการนำเสนอ หลักฐานจำเลยที่พยายามจะขอเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะอัยการฟ้องว่าจำเลยปราศรัยเป็นการโกหกประชาชน โกหกสังคม จำเลยต้องการที่จะพิสูจน์ว่า การพูดตามที่ถูกฟ้องนั้นเป็นความจริง เป็นไปอย่างสุจริต ไม่มีเจตนาที่จะดูหมิ่น หมิ่นประมาทกษัตริย์แต่อย่างใด

หลังการโต้แย้ง  ศาล จึงให้เลื่อนนัดสืบพยานออกไปเป็นวันที่ 20 ก.ย. 2565 เวลา 09.00 โดยจะไม่มีการเลื่อนการสืบพยานอีกต่อไป