กระบวนการยุติธรรม

คดี 19 กันยาศาลยืนกรานกษัตริย์แตะต้องไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ  


28 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา704 ศาลอาญา กระบวนการพิจารณาคดี19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎรครั้งที่ 15 จำเลย 11 คน มาศาล ส่วนที่เหลือพิจารณาลับหลัง วันนี้นัดสืบพยานโจทก์ ผู้พิพากษานายกมล สุปรียสุนทร  ยืนกรานไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารลำดับที่ 46-47คือตารางการบินของกษัตริย์รัชกาลที่ 10 และงบประมาณในราชการส่วนพระองค์ ศาลชี้พยานเอกสารที่ร้องขอไม่ใช่พยานหลักฐานสำคัญของจำเลย องค์ประกอบมาตรา 112 ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ มาตรา 112 มีแนวปฏิบัติคือวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้โดยเด็ดขาด กฎหมายห้ามพูดในลักษณะก้าวล่วง (Untouchable) และไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ

     นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความได้โต้แย้งต่อศาลว่า ฝ่ายโจทก์ ฟ้องเอาผิดจำเลยทั้งมาตรา 112 และ 116  ซึ่งมาตรา 116 กรณีการชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวาย มีข้อยกเว้นหากเป็นการกระทำโดยสุจริต ตามความมุ่งหมายรัฐธรรมนูญ ได้รับยกเว้นไม่มีความผิดตามมาตรา 116  เมื่อฝ่ายจำเลยถูกฟ้องมีความผิดตามมาตรา 112 จึงต้องพิสูจน์ความจริงว่า เป็นการกระทำโดยสุจริต เป็นหลักสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นมาตรา 112 เป็นกฎหมายลูก จึงต้องต่อสู้คดีตามหลักสิทธิ์เสรีภาพด้วย

      นายสมยศ พฤกษาเกษมสุขได้ลุกขึ้นขอให้ศาลพูดให้ชัดเจนเนื่องจากฟังไม่รู้เรื่อง นายกมล สุปรียสุนทร  ได้กล่าวว่า ที่ฟังไม่รู้เรื่องเป็นเพราะตั้งใจฟังไม่รู้เรื่องหรือเปล่า ทำให้จำเลยหลายคนตะโกนตอบศาลว่า ตั้งใจฟังแล้ว แต่ฟังไม่รู้เรื่อง

         นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ยังได้โต้แย้งอีกว่าหากฝ่ายอัยการยอมรับข้อเท็จตามที่จำเลยได้ปราศรัยว่าเป็นความจริงก็ไม่จำเป็นต้องขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานเอกสารดังกล่าว

         นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ “เพนกวิน” ได้ขอแถลงต่อศาลว่า การพิสูจน์ความจริงใคดีนี้จะเป็นการก้าวล่วงได้อย่างไรและได้ยกตัวอย่างศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่าคดีมาตรา 112 ของนายสนธิ ลิ้มทองกุลว่ามีเจตนาสุจริต จึงยกฟ้อง ดังนั้นในคดี 19 กันยานี้หากจำเลยพิสูจน์ความจริงว่ามีเจตนาสุจริตก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน

          ระหว่างการโต้แย้งสิทธิและการขอให้ศาลเลื่อนนัดหมายการไต่สวนออกไปก่อนจนกว่าจะได้เอกสารพยานของจำเลย แต่ทว่า ผู้พิพากษานายกมล สุปรียสุนทร  ได้ให้อัยการนำพยานที่เป็นอดีตผู้อำนวยการเขตพระนครมานำสืบนายสุรเดช อำนวยสาร ขณะที่ฝ่ายจำเลยกำลังปรึกษาหารือกับทนายความอยู่ ทำให้ทนายความและจำเลยเข้าไปแถลงปัญหาที่เกิดขึ้นที่หน้าบัลลังก์ การสืบพยานจึงหยุดชะงักเมื่อเวลา 12.30 น. โดยที่ฝ่ายอัยการแถลงว่าในตอนบ่ายพยานติดภารกิจไม่สามารถสืบพยานต่อได้ จึงให้เลื่อนการสืบพยานไปในวันที่ 23 พ.ย. 2565 เวลา 9.00 น. พร้อมกำชับทนายจำเลยให้เร่งติดตามเอกสารและแจ้งผลให้เรียบร้อย