แรงงาน

คนงานไทยเก็บเบอร์รี่ ที่สวีเดน “ทำงานหนัก ยาวนานชั่วโมง โดยไม่ได้ค่าจ้าง”


คนงานไทยเก็บเบอร์รี่ ที่สวีเดน “ทำงานหนัก ยาวนานชั่วโมง โดยไม่ได้ค่าจ้าง”

“ขาไปเสียนา ขามาเสียเมีย” ยังคงเป็นเรื่องจริงอยู่เสมอสำหรับคนงานไทยที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ จากการพังทลายของเศรษฐกิจไทย คนงานไทยต้องดิ้นรนหางานทำ ระหว่างเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม เป็นช่วงที่ประเทศสวีเดนต้องการแรงงานไปเก็บเบอร์รี่ เป็นการจ้างงานตามฤดูกาล (Seasonal Workers) กระทรวงแรงงาน จึงป่าวประกาศเชิญชวนคนงานไทยเดินทางไปทำงานเก็บเบอร์รี่ที่สวีเดน มีสหภาพแรงงานควบคุมนายจ้าง และมีการประกันรายได้ขั้นต่ำตามที่สหภาพแรงงานส่วนท้องถิ่นแห่งสวีเดนกำหนด ปรากฏว่า มีคนงานไทยเดินทางไปทำงานที่สวีเดนมากถึง 7000 คน ทั้งนี้รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนคนงานไทยที่สวีเดนเมื่อวันที่10 กันยายน 2565 พร้อมกับป่าวประกาศเชิญชวนคนงานไทยไปทำงานที่สวีเดนว่าที่นั่นประกันรายได้ขั้นต่ำและสวัสดิการที่ดีตามมาตรฐานสวีเดน  แต่ทว่าในความเป็นจริงไม่ได้เป็นไปตามการประกาศเชิญชวนของกระทรวงแรงงาน ด้วยปรากฏว่า มีคนงานไทยที่ไปทำงานแล้วจำนวนมาก ไม่ได้เงินค่าจ้างตามสัญญาจ้าง ไม่ได้มาตรฐานแรงงานตามที่มีการประกาศเชิญชวนให้คนงานไทยไปทำงานที่สวีเดน

เมื่อคนงานไทยเหล่านี้ร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานให้มีการคุ้มครองแรงงานเป็นไปตามสัญญาจ้าง กลับปรากฏว่าการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานเป็นไปอย่างเชื่องช้า จนทำให้บรรดาคนงานไทยส่วนหนึ่งสละสิทธิ์ที่จะร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงาน ในการดำเนินการให้พวกเขาได้รับสิทธิประโยชน์ตามสัญญาจ้างที่กระทรวงแรงงานเคยป่าวประกาศเชิญชวนกันไว้

อัศวเทพ ทวีธนวาณิชย์ ในวัย 36 ปี ได้รับการชักชวนจากนายวัชรพงษ์ กอผาซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทสตาร์ โรยัล เซอร์วิสเซส ( Star Royal Services )ตั้งอยู่เลขที่ 85/75 ซอยแจ้งวัฒนะ 12 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 โทร.02-9824720 ให้เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เพื่อทำสัญญาจ้างไปทำงานเก็บเบอร์รี่ มีเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบราชการอยู่ด้วย โดยตัวแทนบริษัทแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน มีคนงานราว  500 คนร่วมประชุมและได้ทำสัญญาจ้าง ซึ่งตัวแทนบริษัทสตาร์โรยัลแจ้งว่า สัญญาจ้างนี้จะถูกส่งไปให้กระทรวงแรงงานขออนุญาติจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานที่สวีเดน โดยทางบริษัทยืนยันว่า ได้รับอนุญาติจัดส่งคนงานไทยไปทำงานที่สวีเดนแล้วและจัดเก็บเงินเป็นค่าใช้จ่ายคนละ  12,000 บาท ซึ่งอัศวเทพต้องกู้เงินนอกระบบมาจ่ายให้กับการเดินทางไปทำงาน ออกเดินทางไปสวีเดน  วันที่ 13 กรกฎาคม 2565

อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปทำงานเก็บเบอร์รี่ ไม่มีการตรวจสุขภาพ ไม่มีการฝึกอบรมใดๆ ไม่มีเจ้าหน้าที่แรงงานชี้แจงก่อนการเดินทางทั้งสิ้น

ในส่วนของสัญญาจ้างมีประกันรายได้เดือนละ 23,183 โครน่าสวีเดนต่อเดือนหรือคิดเป็นเงิน 81372.33 บาท ( อัตราแลกเปลี่ยน 1 โครนา = 3.51 บาท ) หากทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุดจะได้รับเงินเพิ่มขึ้นอีกตามมาตรฐานแรงงานสวีเดน แต่ทว่าเมื่อไปทำงานรวมแล้ว65 วัน กลับไม่ได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาตามสัญญาจ้าง ในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่สวีเดน ได้ร้องเรียนต่อ สถานทูตไทยในสวีเดนซึ่งมีนางกาญจนา ภัทรโชค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2565 แต่ไม่มีการดำเนินใดที่จะคุ้มครองแรงงานคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น

พรหมกานต์  จันทรชื่น อายุ 37   ปี เป็นคนงานไทยที่เดินทางไปทำงานเก็บเบอร์รี่ที่สวีเดนเช่นกัน กล่าวว่า  ระหว่างการทำงานตนล้มป่วยมีอาการบวมตามข้อ ไม่สามารถเดินได้ รวมวันป่วยราว 29 วัน ได้แจ้งให้นายเอก ที่เป็นหัวหน้างานทราบ แต่ไม่มีการส่งไปรักษาพยาบาลตามสัญญาจ้าง และมีวันทำงานรวมค่าล่วงเวลา 40 วันเริ่มทำงานตั้งแต่ตี 4 ถึง 21.00 น.วันละ 15-18 ชั่วโมง ได้รับอาหารวันละ 3 มื้อ  ซึ่งมีปริมาณและคุณภาพต่ำมากทั้งการขึ้นราและบูด  ทุกคนจะทำงานอย่างปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากหัวหน้างานจะแจ้งให้ทราบว่าคนงานยังเป็นหนี้ค้างจ่ายบริษัทอยู่ และ ที่ทำงานห่างจากที่พัก ดังนั้นเมื่อไปในป่าเก็บเบอร์รี่แล้ว แม้ว่าป่วยก็ต้องทนทำงานให้ได้ เพราะไม่มีรถพากลับที่พัก จึงเท่ากับตกอยู่ในสภาพการบังคับการทำงานไปด้วย

ในสัญญาจ้างระบุว่า หากมีข้อโต้แย้งประการใดจะต้องตกลงกัน ในความรับผิดชอบของสหภาพแรงงานสวีเดน แต่ระหว่างที่ทำงานเก็บเบอร์รี่ ไม่เคยได้พบกับตัวแทนสหภาพแรงงานสวีเดนตามสัญญาจ้าง ได้เจอแต่นาย Peter Lindh ที่เป็นชาวสวีเดนรับซื้อผลเบอร์รี่ที่เก็บได้และชั่งน้ำหนัก

อัศวเทพ ทวีธนวาณิชย์ เล่าให้ฟังอีกว่า แต่ละวันออกทำงานจะเก็บเบอร์รี่จนหมดในพื้นที่กำหนดให้  ได้ทำงานจนถึงวันสุดท้ายคือวันที่ 24 กันยายน 2565 และเดินทางกลับวันที่ 28กันยายน 2565 โดยไม่ได้รับเงินเดือนที่เป็นการประกันรายได้ขั้นต่ำและไม่มีค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาตามสัญญาจ้างแต่อย่างใด ตนและเพื่อนได้ร้องเรียนต่อนายโอวาท ทองบ่อมะกรูด กองบริหารงานแรงงานไทยไปต่างประเทศ แต่ไม่มีความคืบหน้าจึงได้มาร้องเรียนต่อรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานนายสุชาติ ชมกลิ่น เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 โดยรัฐมนตรีได้มอบหมายให้   นายมงคล  แก้วม่วง เจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน โดยนายอัศวเทพ ทวีธนวานิชย์ ได้คำนวณค่าจ้างและค่าล่วงเวลาตามสัญญาจ้างเป็นจำนวนเงิน 468,900.40บาท และพรหมกานต์  จันทรชื่น เป็นจำนวนเงิน 389,737.30บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 3.51 บาท: 1 โครนา)จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ได้สอบถามแล้วอ้างว่าได้ส่งเรื่องร้องเรียนมายังเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานเขตหลักสี่(เขต9)คือนายฉัตรดนัย ด้วงมหาสอน ตำแหน่งนักวิชาการชำนาญการแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด เมื่อมีการสอบถามเกี่ยวกับเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและเงินค้ำประกันของนายจ้างในการจัดส่งคนงานไทยไปต่างประเทศที่จะเยียวยาระหว่างการร้องเรียน ยังไม่มีคำตอบจากกระทรวงแรงงาน ทำให้พวกตนทุกข์ยากเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง

สมยศ พฤกษาเกษมสุข รายงาน 3.11.65

อาหารที่นายจ้างจัดให้กิน

ปรุงอาหารแบบนี้ให้กิน

รถรับส่งคนงานไทยไปทำงานเก็บเบอร์รี่

รถรับส่งคนงานไทยไปเก็บผลเบอร์รี่