
ศาลติดเครื่องเทอร์โบ เร่งคดี 19 กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร
23 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา704 ศาลอาญาโดยผู้พิพากษานายกมล สุปรียสุนทร ไต่สวนคดี 19 กันยา ทวงคืนอำนาจราษฎรศาลอาญาไต่สวนครั้งที่ 16 จำเลย 13 คนมาศาลส่วนอีก 9 คน พิจารณาลับหลัง ฝ่ายอัยการโดยนางสาว ธีรารัตน์ บุตรโพธิ์ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 นำพยานโจทก์ปากแรกตอนเช้า พันตำรวจเอกวรศักดิ์ พิสิษฐบรรกร ผู้กล่าวหา และปากที่สองนายสุรเดช อำนวยสาร อดีตผู้อำนวยการเขตพระนครตอนบ่าย โดยทนายความจำเลยที่ 1 และที่ 5 แถลงว่า ประสงค์จะให้สืบพยานปากนายสุรเดช อำนวยสารเสร็จสิ้นกระบวนกความก่อนแล้วค่อยสืบพยานปากพันตำรวจเอกวรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการใช้สนามหลวง หากสืบพยานปากพันตำรวจเอกวรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกรก่อนจะทำให้จำเลยเสียเปรียบและเสียกระบวนการยุติธรรม ประกอบกับหนังสือที่ขอหมายเรียกไปยังศาลแพ่งและอุทธรรณ์ ยังไม่ได้รับจึงเลื่อนไปสืบพยานในตอนบ่าย
13.00 น. นายสุรเดช อำนวยสาร อดีตผู้อำนวยการเขตพระนครขึ้นกล่าวคำสาบาน ว่า “ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระแก้วมรกต เจ้าพ่อหลักเมือง พระสยามเทธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้าเอาความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอภยันตราย และความวิบัติทั้งปวงจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวโดยพลัน หากข้าพเจ้า กล่าวความจริงต่อศาล ขอให้ข้าพเจ้า มีแต่ความสุขความเจริญ” โดยจำเลยที่ร่วมรับฟังอยู่ทั้งหมดได้พนมมือกล่าวรับด้วยคำว่า “สาธุ” ถึงสามครั้งด้วยเสียงอันดัง ทำให้ผู้พิพากษา บอกว่า ไม่ต้องกล่าวคำว่าสาธุ
นายสุรเดช กล่าวว่าเป็นผู้ดูแลสนามหลวง ภายใต้ความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร มีป้ายกำหนดเวลาเปิด-ปิดอยู่ 2ฝั่ง ใช้พักผ่อน ออกกำลังกาย ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน ทราบข่าวการใช้สนามหลวงชุมนุมได้ตั้งห้องปฏิบัติการข่าว หรือวอร์รูม ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร คอยดูกล้องวงจรปิด เห็นกลุ่มบุคคลตัดทำลายกุญแจ 90 ลูกทำมให้ประตูล้มลง วันที่ 20 กันยายน 2563 เวลา 6.00 น. มีการเจาะทำลายพื้นคอนกรีตขนาด 13X 13นิ้ว กลางสนามหลวง คิดเป็นเงินค่าเสียหายจำนวน 30500 บาท จนถึงเวลา 17.00 น.จึงเสร็จสิ้นพยานปากนี้ ยังไม่มีการซักค้าน โดยนัดหมายการสืบพยานต่อไปคือพันตำรวจเอกวรศักดิ์ พิสิษฐบรรกร ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เวลา 14.00 น.และ 7 ธันวาคม 2565 ตามนัดเดิม
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กล่าวว่า คดีนี้ศาลเร่งรัดการไต่สวนถี่และเร็วมากในขณะเดียวกันศาลยังไม่ออกหมายเรียกเอกสารที่เป็นตารางการบินของกษัตริย์รัชกาลที่ 10 และ งบประมาณการใช้จ่ายส่วนพระองค์ในในปี 2563 ซึ่งเป็นเอกสารจำเป็นในการซักค้านพยานฝ่ายโจทก์ และเมื่อเปรียบเทียบกับคดี กลุ่มคนเสื้อเหลืองยึดสนามบินในปี 2551 จนขณะนี้ 14ปีแล้ว ไม่ได้เร่งรีบเหมือนคดี198กันยาของ คณะราษฎร จนแกนนำพันธมิตรฝ่ายจำเลยสิ้นชีวิตไปหลายคนแล้ว ในขณะที่คดี 19 กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร กลับเร่งรีบเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้ามีการอำนวยความยุติธรรมอย่างเพียงพอก็มั่นใจได้ว่า จะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธ์ได้



ทำไมต้องฆ่าพวกเขาให้สิ้นซากก่อนพิธีใหญ่ของชาติ พวกเขาคือใคร ทำไมรัฐประยุทธ์ ต้องลงมือ จับตาย “ ยุทธการอุ้มฆ่า ผู้ลี้ภัยการเมือง” เรื่องจริงจากการติดตามสืบค้นหน่วยล่าสังหารในปฏิบัติการอุ้มฆ่าผู้ลี้ภัยการเมือง 9 คน ที่ลาวและกัมพูชา ถูกนำมาบันทึกไว้เป็นหลักฐาน โดยสมยศ พฤกษาเกษมสุข
สั่งซื้อในราคาเล่มละ 230 บาท(รวมค่าส่ง) สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 230 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0 ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งมาที่ Inbox somyot pruksakasemsuk หรือ Email มาที่ editor@prakaifai.com หรือโทร 0655575005