
ช่วยกันฝังกลบพวกเศษอสุจิเลวๆในสนามการเลือกตั้ง 2566
เมื่อวันที่ 10 มีค.ที่ผ่านมา หมอวรงค์ เดชกิจวิกรมหัวหน้าพรรคไทยภักดี ซึ่งเป็นพรรคการเมืองกษัตริย์นิยม ฉะเดือด”อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยว่า หยุดให้ร้ายม.112 ไล่ไปศึกษาให้ถ่องแท้ เหตุใดมีคนโดนคดีเยอะ จากกรณีที่อุ๊งอิ้งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่ามีการเอามาตรา 112 มาเล่นเป็นการป้ายสีทางการเมือง เป็นเครื่องมือทางการเมือง มันควรจะกำหนดให้ชัดเจน ใครฟ้องได้ โทษอยู่ที่เท่าไร โดยหมอวรงค์ ทำตัวเองเป็นเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ ใช้คำนำหน้าอุ๊งอิ้งว่า “หนู “ ด้วยคำพูดที่ว่า “ สิ่งที่หนูต้องรู้ด้วยว่า ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมี การจาบจ้วง ให้ร้ายสถาบันเยอะขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน หนูอธิบายได้ไหมว่า ทำไมจึงมีการจาบจ้วง ให้ร้ายสถาบันเกิดขึ้นมาก ในช่วงหลังนี้ หนูต้องศึกษาให้ถ่องแท้ “
คำกล่าวของอุ๊งอิ้ง ไม่ได้พูดขึ้นลอยๆแบบคนไม่ประสีประสาการเมือง เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มาจากการรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ปิดกั้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน มีแต่รัฐบาลเผด็จการทหารที่ใช้กฎหมายนี้ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชนมาโดยตลอด คนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมที่ก้าวหน้าจึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์แต่กลับถูกยัดเยียดมาตรา 112 จำนวนกว่า 250คนด้วยกัน และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่อุ๊งอิ้ง แสดงความเห็น เป็นความจริงที่ไม่อาจมองข้ามหรือกลบเกลื่อนได้
หมอวรงค์ เป็นนักการเมืองเก่าแก่ แนวอนุรักษ์นิยมแต่ไม่ประสพผลสำเร็จทางการเมืองมากนักจึงต้องโหนเจ้าไปโจมตีคนอื่น ซึ่งประวิตร วงศ์สุวรรณ บอกแล้วว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะพ่ายแพ้ต่อฝ่ายเสรีนิยมในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ ในขณะที่ อุ๊งอิ้ง นักการเมืองหน้าใหม่เอี่ยมอ่อง แต่กลับมีความชาญฉลาด มีความกล้าหาญที่จะพูดความจริง เป็นคุณสมบัติดีงามของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะนำพาสังคมไทยสู่ความก้าวหน้าได้
มาช่วยกันทำให้สนามการเลือกตั้ง 2566 ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนผ่านการเมืองสู่ประชาธิปไตย ด้วยการช่วยกันทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้กลายเป็นสุสานฝังกลบนักการเมืองเศษอสุจิเลวๆ ที่โผล่หัวมาจากซากเดนการปกครองโบราณ ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว
สมยศ พฤกษาเกษมสุข 11.3.66
