แรงงาน

‘ประกันสังคมก้าวหน้า’ ส่ง 7 ผู้สมัคร ลั่นปรปักษ์กับชนชั้นนำ-ทำรัฐสวัสดิการคนธรรมดา


‘ประกันสังคมก้าวหน้า’ ส่ง 7 ผู้สมัคร ลั่นปรปักษ์กับชนชั้นนำ-ทำรัฐสวัสดิการคนธรรมดา
พันธมิตร ‘ก้าวหน้า’ ฟอร์มทีมนักสิทธิ นักวิชาการ นักสหภาพแรงงาน ชิงเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม

7 ธ.ค. 66 ‘ธนาธร’ ร่วมกับทีมประกันสังคมก้าวหน้า นำโดยอาจารย์ ‘จั๊ก’ ษัษฐรัมย์ ธรรมบุ​ษดี ประกาศเปิดตัวผู้สมัครฝั่งผู้ประกันตนทั้ง 7 คน เบอร์ ‘27 ถึง 33’ ในสนามเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมระดับประเทศ ชูนิมิตรหมาย ‘ก้าวแรกสู่รัฐสวัสดิการ’ ปักธงชัด “พวกเราคือปีศาจร้ายของชนชั้นนำ…”

เพจ Facebook คณะก้าวหน้า ได้ทำการถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา 10:00 น. โดยคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตัวแทนจากคณะก้าวหน้า ขึ้นพูดเป็นคนแรก เกริ่นนำประวัติศาสตร์ความเป็นมาและจุดประสงค์ของกองทุนประกันสังคม ชี้ประกันสังคมมีความเกี่ยวข้องกับความเป็นประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก เคยมีการเสนอตั้งแต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม และสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งไทยเข้าสู่ยุครัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ขบวนการแรงงานออกมาเรียกร้องจนเกิดกองทุนประกันสังคมขึ้นดังปัจจุบัน

“พี่น้องผู้ใช้แรงงานหลายกลุ่มในช่วงเวลานั้นลุกขึ้นมารณรงค์อย่างแข็งขัน ร่วมกันกดดันพรรคการเมือง” คุณธนาธรได้กล่าวในการนำเสนอ

(ภาพ: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ผ่านเพจ Facebook คณะก้าวหน้า)

อาจารย์ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ตัวแทนจากทีมประกันสังคมก้าวหน้า และผู้สมัครผู้แทนผู้ประกันตนหมายเลข 27 ขึ้นมากล่าวต่อ เน้นย้ำว่าการต่อสู้ของพี่น้องแรงงานเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วได้ทำให้คนธรรมดาสามารถคิดฝันถึงการมีสวัสดิการที่ดีได้เป็นครั้งแรก แต่กระนั้น ปัจจุบันสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนตามนโยบายของสำนักงานประกันสังคมยังบกพร่องอยู่เนื่องมาจากความตกต่ำของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมักเกี่ยวโยงกับสวัสดิภาพของคนในสังคมเสมอ ในเมื่อคณะรัฐประหารก็เข้าควบคุมบอร์ดประกันสังคม ไม่ต่างกันกับฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ระบอบอำนาจนิยมเดียวกันนี้จึงต้องถูกต่อต้านเพื่อการพัฒนาประโยชน์ของผู้ประกันตน

“ผู้ใช้แรงงานสร้างปราสาท แต่ได้อยู่ในสลัม” ประโยคแรกของบทสุนทรพจน์โดยอาจารย์ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ตัวแทนจากทีมประกันสังคมก้าวหน้า

(ภาพ: ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี จากการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ผ่านเพจ Facebook คณะก้าวหน้า)

ในการฟอร์มทีมประกันสังคมก้าวหน้า อาจารย์ษัษฐรัมย์ เน้นย้ำความยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยและรัฐสวัสดิการ ซึ่งจะนำพาบอร์ดบริหารกองทุนประกันสังคมและจะช่วยสร้างก้าวแรกสำหรับประกันสังคมในประเทศนี้ “พวกเราคือตัวแทนของคนทำงานรุ่นใหม่ที่ปราถนาสังคมเสมอภาค ไม่เคยคุกเข่าค้อมหัว ประนีประนอมให้กับกลุ่มทุนผูกขาดและอำนาจเผด็จการ” อาจารย์ษัษฐรัมย์ กล่าวเกริ่นนำ

โดยสมาชิกทั้ง 7 คน ของผู้สมัครผู้แทนผู้ประกันตนภายใต้ชื่อ “ประกันสังคมก้าวหน้า” มีดังนี้

  • เบอร์ 27 อาจารย์ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี นักวิชาการด้านรัฐสวัสดิการ
  • เบอร์ 28 ศิววงศ์ สุขทวี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานข้ามชาติ
  • เบอร์ 29 ชลิต รัษฐปานะ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงาน
  • เบอร์ 30 ธนพงษ์ เชื้อเมืองพาน นักสหภาพแรงงานย่านรังสิต
  • เบอร์ 31 นลัทพร ไกรฤกษ์ นักเคลื่อนไหวในด้านของสิทธิของผู้พิการ
  • เบอร์ 32 ลักษมี สุวรรณภักดี ประธานสหภาพแรงงานในโรงงาน
  • เบอร์ 33 ธนพร วิจันทร์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานและสิทธิประชาชน (กำลังอุทธรณ์กับ สปส. อยู่ เบื้องต้นคุณสมบัติยังไม่ผ่านเนื่องจากขาดส่งเงินสมทบบางเดือนระหว่างการสู้คดีกับนายจ้างกรณีการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม แม้ปัจจุบันจะสู้คดีจนชนะแล้วก็ตาม โดยตามกติกา ผู้สมัครทุกคนต้องส่งประกันสังคมอย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน ห้ามขาดแม้แต่เดือนเดียว)

ทั้งนี้ทางทีมเคยร่วมลงสมัครและหาเสียงกับคุณบุญยืน สุขใหม่ ตัวแทนจากสมัชชาคนจนและกลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออกด้วย ล่าสุดคุณบุญยืนได้เปิดตัวเป็นผู้สมัครเบอร์ 34 ในนามของสมัชชาคนจน แต่ยังติดพันกับการอุทธรณ์เรื่องคุณสมบัติผู้สมัครเช่นเดียวกันกับคุณธนพร

ในเรื่องของนโยบายต่าง ๆ ที่ทางทีมประกันสังคมก้าวหน้านำเสนอ สามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ นั่นคือ ส่วนของการเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ประกันตน เสนอโดยคุณนลัทพร และส่วนของการปรับเปลี่ยนให้ประกันสังคมมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เสนอโดยคุณธนพร

นโยบายแรกที่ทีมประกันสังคมก้าวหน้าเผยในวันนี้คือการใช้เสียงของบอร์ดประกันสังคมในการสนับสนุนสิทธิลาคลอด 180 วัน แบบแบ่งกันลาได้ ซึ่ง สส. เครือข่ายผู้ใช้แรงงาน พรรคก้าวไกลได้ยื่นเข้าไปสู่สภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณนลัทพรกล่าวต่อถึงสิทธิประโยชน์ด้านเงินค่าคลอดบุตร ซึ่งเสนอให้มีการเพิ่มเป็น 20,000 บาทต่อครั้ง โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

คุณนลัทพร ชี้ว่าเงินเฟ้อที่ทยอยเพิ่มขึ้นทำให้มีความจำเป็นที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ในด้านเงินเลี้ยงบุตร ทั้งในเด็กเล็ก 0–6 ปี ซึ่งเพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์ดั้งเดิมเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และในกลุ่มเด็กอายุ 7–12 ปี จำนวนปีละ 7,200 บาท ซึ่งนับเป็นสิทธิประโยชน์ข้อใหม่จากทางทีมประกันสังคมก้าวหน้า

“สำหรับผู้ประกันตนที่เป็นคนพิการ เราต้องการเปลี่ยนนิยามความพิการที่ไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่เป็นนิยามความพิการที่มองเห็นอาชีพและความต้องการ รวมทั้งคนพิการภายหลังและคนพิการตั้งแต่กำเนิด สามารถใช้สิทธิและสวัสดิการร่วมกับสวัสดิการอื่นได้” คุณนลัทพรกล่าวถึงนโยบายการแก้ไขนิยามความพิการของประกันสังคม

“เพื่อให้คนพิการสามารถรักษาพยาบาลได้ทุกที่ ลดปัญหาในการตีความแล้วก็ไม่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” คุณนลัทพรกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเกี่ยวกับสถานที่รักษาพยาบาลคนพิการ

ในส่วนของการคุ้มครองแรงงานอิสระ คุณนลัทพรนำเสนอนโยบายการสนับสนุนการปฏิรูปประกันสังคมให้กลายเป็นประกันสังคมถ้วนหน้า “เหมือนกับรัฐได้ซื้อประกันให้กับทุกคนเพื่อยืนพื้นเป็นหลักประกันให้กับคนวัยทำงานทุกคน” นับเป็นข้อเสนออีกข้อที่สอดคล้องกับนโยบายของพรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถเข้าไปอ่านนโยบายทั้งหมด 14 ข้อของทีมประกันสังคมก้าวหน้าได้ที่เว็บ Linktree ของทีม

ต่อมา คุณธนพร ขึ้นพูดในส่วนของนโยบายด้านโครงสร้าง ยืนยันว่าทีมประกันสังคมก้าวหน้าเสนอให้บอร์ดประกันสังคมงดดูงานต่างประเทศตลอดวาระ 2 ปีเพื่อประหยัดงบประมาณของประกันสังคม และการให้กองทุนประกันสังคมมุ่งคัดเลือกคู่สัญญาการลงทุนด้วยหลักการงานที่มีคุณค่า หรือ Decent Work ซึ่งนิยามโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ International Labour Organization (ILO) ประกอบไปด้วยการมีสิทธิขั้นพื้นฐานในที่ทำงานอย่างไร้การเลือกปฏิบัติด้วยอัตลักษณ์ การได้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม รวมไปถึงสิทธิในการรวมตัว-เจรจาต่อรอง และความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย

“โรงพยาบาลเหล่านั้นนะคะ ให้สิทธิเสรีภาพในการรวมตัวเสรีภาพในการเจรจาต่อรอง หรือไม่นะคะ เราถึงจะนำเงินกองทุนประกันสังคมไปลงทุนกับโรงพยาบาลเหล่านั้น รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ด้วยนะคะ ว่าเค้าส่งเสริมประชาธิปไตยในที่ทำงานไหม…” คุณธนพรยกตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่ออธิบายนโยบายการลงทุนอย่างมีคุณค่า

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2565 คุณธนพรรับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้ปราศรัยการชุมนุมเนื่องในวันงานที่มีคุณค่าสากลร่วมกับสหภาพคนทำงาน ณ บริเวณลานหน้าอาคารสหประชาชาติ ใน กทม. โดยมีข้อเรียกร้องจำนวน 5 ข้อ หนึ่งในนั้นคือข้อที่ 4 ระบุว่า “รัฐบาลไทยต้องจัดให้มีการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมภายในปี 2565 และให้สิทธิแรงงานข้ามชาติเลือกตั้งผู้แทนคณะกรรมการประกันสังคมฝ่ายผู้ประกันตน”

อีกหนึ่งนโยบายด้านโครงสร้างสำคัญที่คุณธนพรนำเสนอคือการให้แรงงานข้ามชาติได้มีสิทธิในใช้สิทธิเลือกตั้งตัวแทนในบอร์ดประกันสังคม รวมไปถึงลงสมัครเป็นตัวแทนผู้ประกันตนด้วย เนื่องจากปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมและกระทรวงแรงงานไทยได้ระบุชัดเจนตามคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น ส่งผลให้เกิดการกีดกันผู้ประกันตน ม.33 ซึ่งไม่มีสัญชาติไทยกว่าหนึ่งล้านคน มิให้ใช้สิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ข่าว HardStories ได้ลงบทความวิจารณ์กฎการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมครั้งนี้ที่มีการเลือกปฏิบัติด้วยสัญชาติอย่างชัดเจน โดยมีหัวข้ออย่างเช่น “สมทบทุนเท่า แต่เข้าถึงสิทธิไม่เท่า?”

คุณธนพร ปิดท้ายการแถลงข่าววันนี้ด้วยการเชิญชวนผู้ประกันตนให้ออกไปใช้สิทธิเสียงของตน เลือกทีมประกันสังคมก้าวหน้ายกทีม เขียนเบอร์ 27 ถึง 33 ลงบัตรลงคะแนนในวันที่ 24 ธ.ค. นี้เวลา 8:00- 16:00 น. ตามหน่วยเลือกตั้งที่ได้เลือกไว้ตอนลงทะเบียนทางเว็บ สปส. เมื่อเดือนที่แล้ว