
นำปณิธานเนติพร สู่ข้อเรียกร้อง ปล่อยนักโทษการเมือง ปฏิรูปยุติธรรม
(24 พ.ค.67)10.00 น. กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมด้วยนักกิจกรรม อาทิ รุ้ง – ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ใบปอ – ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ ณัฐชนน ไพโรจน์ เจษฎา ศรีปลั่ง ธนพร วิจันทร์ นัสรี พุ่มเกื้อ ทยิดา ศิริพงษานุวัฒน์ โดยมีมวลชนราว 80 คน รวมกันกันที่ปั๊ม PTT-NGV ถนนแจ้งวัฒนะ (ตรงข้ามศาลปกครอง)เดินขบวนไปที่กระทรวงยุติธรรม
ผู้ชุมนุมนำภาพโกศอัฐิของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง เดินนำหน้า เข้ามายังห้องโถงของกระทรวง ถือป้ายข้อความ อาทิ นิรโทษกรรมนักโทษการเมือง 112 , ปฏิรูปขบวนการยุติธรรม รูปผู้ต้องขังทางการเมืองที่อยู่ในเรือนจำในขณะนี้อาทิ อานนท์ นำภา เก็ท โสภณ เป็นต้น พร้อมมีการตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา..เดี๋ยวนี้” Free Political Prisoners , Free Anon Nampa
นัสรี พุ่มเกื้อ จาก Thumb Right กล่าวว่า มีนักโทษการเมืองถูกคุมขังถึง 46 คน จนเนติพร เสน่ห์สังคม อดอาหารเสียชีวิต กระทรวงยุติธรรมต้องคืนความยุติธรรมด้วยการ 1. คืนสิทธิประกันตัวให้กับนักโทษการเมืองทุกคน 2. หยุดดำเนินคดีการเมือง 3นิรโทษกรรมประชาชนโดยไม่ยกเว้นมาตรา 112 4.ปฏิรูปยุติธรรม ศาลต้องเป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซงจากอำนาจภายนอก ความเป็นธรรมย่อมอยู่เหนือทุกสถาบัน
ทยิดา ศิริพงษานุวัฒน์ในนามขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โหยหาหนทางที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองผ่านร่างพรบ.นิรโทษกรรมประชาชน หวังว่า การนิรโทษกรรมประชาชนจะต้องไม่ยกเว้นคดี 112
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กล่าวว่า รัฐบาลมีอำนาจออก พรก.ยุติการดำเนินคดีทางการเมืองได้ แต่กลับไม่ทำ ทั้งๆที่ได้หาเสียงไว้ว่าจะคืนความยุติธรรมให้กับนักโทษการเมือง แต่พอได้เป็นรัฐบาลแล้ว กลับเมินเฉย ผู้ต้องขังการเมืองเสียชีวิตเป็นเรื่องเร่งด่วนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกแล้ว
ณัฐชนน ไพโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับมีข้อยกเว้นไม่ยอมนิรโทษกรรมให้กับคดี 112 เป็นการแบ่งแยกกีดกันให้เกิดความแตกต่างเหลื่อมล้ำ ในการอำนวยความยุติธรรม รัฐบาลสามารถดำเนินการได้หลายเรื่องด้วยกันตั้งแต่การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องขังทางการเมือง การออกพรก.ยุติการดำเนินคดีการเมืองทุกระดับชั้น การปกป้องสิทธิการประกันตัวและนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองทุกคดี ไม่ใช่ยกเว้นคดี 112 ซึ่งเท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติ
น.ส.ธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน เป็นตัวแทนอ่านมีรายละเอียดระบุว่า.
ข้อเรียกร้องว่า เนติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง) ประกาศอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และจะต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างทางการเมืองรวมอดอาหาร 109 วัน ทั้งนี้บุ้งถูกดำเนินคดีมาตรา 112 รวมสองคดีไม่มีคดีใดที่ศาลมีคำตัดสินถึงที่สุด มีการให้ร้ายว่าบุ้งได้การประกันตัวแล้วไปทำผิดเงื่อนไขของศาลเอง ความจริงแล้วบุ้งถูกกล่าวหาเพราะทำโพล ยังไม่มีคำพิพากษาว่าเป็นความผิด ดังนั้น จึงจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าเธอทำผิดซ้ำ และการกระทำครั้งที่สองนั้นก็ยังไม่ได้มีการตัดสินว่าเป็นความผิด ข้อเรียกร้องของบุ้งจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สังคมในการป้องกัน และปกป้องเสรีภาพ และความยุติธรรม.
การที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ นำตัวบุ้งกลับจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ทั้งที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพในการช่วยชีวิตผู้ป่วยที่อดอาหารหรือผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นจุดเริ่มต้นแสดงถึงเจตนาเล็งเห็นผลที่จะนำไปสู่การเสียชีวิตได้ จนกระทั่งในวันที่ 14 พ.ค. บุ้งเสียชีวิต ต่อมาทนายกฤษดา นุตจรัส แถลงถึงข้อพิรุธการเสียชีวิต และเพื่อปกป้องเสรีภาพและความยุติธรรมตามปณิธานของบุ้ง
ทางกลุ่มฯ จึงมีข้อเรียกร้องทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่.
1.ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนของการช่วยชีวิตนางสาวเนติพรที่เป็นกลาง จากภาคประชาสังคมและผู้เสียหาย และสั่งให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หัวหน้าผู้ตรวจการกรมราชทัณฑ์พักราชการหรือย้ายออกไปก่อนเพื่อไม่ให้มีการปกปิด หรือยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน.
2.ชะลอการดำเนินคดีการจับกุมคุมขังคดีในการเมือง ปกป้องสิทธิการประกันตัว ไม่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจไปในทางละเมิดสิทธิประกันตัว เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ.
3.นิรโทษกรรมประชาชนทุกกรณี โดยรวมมาตรา 112 เพราะเป็นคดีที่เกิดขึ้นอันเนื่องมากจากการต่อต้านการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
.4.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ศาลเป็นอิสระจากอำนาจนอกระบบ.
อย่างไรก็ตาม นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นัดหมายให้ทางกลุ่มฯ ส่งตัวแทนมาพูดคุยในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 8.30 น. อีกครั้งหนึ่ง
กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
46/428 ม.ริมสวน ประชาอุทิศ 12 ดอนเมือง กรุงเทพ 10210 โทร. 065-5575005
วันที่ 24 พฤษภาคม 2567
เรื่อง ข้อเรียกร้องเพื่อการปล่อยตัวนักโทษการเมืองและปฏิรูปยุติธรรม
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนายทวี สอดส่อง
เนติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง)ประกาศอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และจะต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างทางการเมืองรวมอดอาหาร 109 วัน ทั้งนี้บุ้งถูกดำเนินคดีมาตรา 112 รวมสองคดีไม่มีคดีใดที่ศาลมีคำตัดสินถึงที่สุด มีการให้ร้ายว่า บุ้งได้การประกันตัวแล้วไปทำผิดเงื่อนไขของศาลเองความจริงแล้ว บุ้งถูกกล่าวหาเพราะทำโพลเรื่องขบวนเสด็จกับผลกระทบต่อสังคม ยังไม่มีคำพิพากษาว่าเป็นความผิด ดังนั้น จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า เธอทำผิดซ้ำ และการกระทำครั้งที่สองนั้นก็ยังไม่ได้มีการตัดสินว่า เป็นความผิด ข้อเรียกร้องของบุ้ง จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สังคมในการปกป้องเสรีภาพ และ ความยุติธรรม
การที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ นำตัวบุ้งกลับจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 4 เมย.67 ทั้งๆที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพในการช่วยชีวิตผู้ป่วยที่อดอาหารหรือผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นจุดเริ่มต้นแสดงถึงเจตนาเล็งเห็นผลที่จะนำไปสู่การเสียชีวิตได้ จนกระทั่งในวันที่ 14 พค.67 บุ้งเสียชีวิต ตามที่ทนายความกฤษฎา นุตจรัส แถลงถึงข้อพิรุธการช่วยชีวิตคือ 1. กรณีใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องและการช่วยชีวิตที่ผิดแผกไปจากแพทย์วิชาชีพ เป็นเหตุเสียชีวิต 2.การปกปิดความตาย เพราะ เสียชีวิตก่อนถึงรพ.ธรรมศาสตร์ ยิ่งตอกย้ำได้ว่า มีเจตนาพิเศษเล็งเห็นได้ว่าต้องการให้บุ้งไปถึงความตาย และปกปิดความจริงในกระบวนการช่วยชีวิตบุ้ง
เพื่อปกป้องเสรีภาพและความยุติธรรมตามปณิธานของเนติพร เสน่ห์สังคมจึงขอเรียกร้องดังนี้
1.ให้ตั้งคณะสอบสวนความผิดของการช่วยชีวิตเนติพรที่เป็นกลางจากภาคประชาสังคมและผู้เสียหาย โดยให้สั่งพักราชการหรือย้ายออกจากกรมราชทัณฑ์ ไปก่อนเพื่อไม่ให้มีการปกปิดหรือยุงเหยิงต่อพยานหลักฐาน คือ นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุและนำศพบุ้งไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และ นพ. สมภพ สังคุดแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ จากแถลงข่าววันที่ 15 พค.ที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย ที่อาจเป็นการปิดบังความจริง
2.ชะลอการดำเนินคดี การจับกุมคุมขังบุคคลในคดีการเมือง ปกป้องสิทธิการประกันตัว ด้วยมาตรการต่างๆ และ แก้ไขป.วิอาญา ไม่ให้ศาลใช้ดุลพินิจไปในทางละเมิดสิทธิประกันตัว เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
3.นิรโทษกรรมประชาชนทุกรณี โดยรวม มาตรา 112 เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการต่อต้านการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงการปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจึงต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองมาตรา112
4.ปฏิรูปยุติธรรม เพื่อให้ศาลเป็นอิสระจากอำนาจนอกระบบ ประมุขศาลมาจากการเลือกตั้ง ป้องกันผู้บริหารศาลแทรกแซงการพิจารณาคดี และ การใช้ระบบลูกขุนในกระบวนการพิจารณาคดี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินทันที การปล่อยตัวนักโทษการเมือง ไม่เพียงแต่เป็นการอำนวยความยุติธรรมและยุติความขัดแย้งได้แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลได้ทำตามที่ได้หาเสียงไว้ในการปล่อยตัวนักโทษการเมืองเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นส.ธนพร วิจันทร์ นายเจษฎา ศรีปลั่ง
เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ
เครดิตภาพ The Reporters












