กระบวนการยุติธรรม

เพื่อไทยเสียงแตกลงมติไม่เห็นชอบข้อสังเกตุผลการศึกษานิรโทษกรรม


เพื่อไทยเสียงแตกลงมติไม่เห็นชอบข้อสังเกตุผลการศึกษานิรโทษกรรม

24 ต.ค.2567 – การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตราร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ค้างต่อเนื่องจากการพิจารณาสัปดาห์ที่แล้วที่ประชุมลงไม่เห็นชอบข้อสังเกตกมธ.ด้วยคะแนน 270 ต่อ152 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทำให้ข้อสังเกตตกไป โดยสภาฯจะส่งเฉพาะตัวรายงานให้ครม.เท่านั้น ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งแต่เดิมเมื่อวันที่ 1 กพ.67 สส.บัญชีรายชื่อ ขัตติยา สวัสดิผล เป็นผู้ที่ริเริ่มเสนอญัตติด่วน ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน ปรากฏว่า  การลงมติของพรรคเพื่อไทยกลับเสียงแตก เห็นชอบ 11 ไม่เห็นชอบ 115 เสียง   ทั้งนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลเองไม่มีเอกภาพในเรื่องการนิรโทษกรรม ซึ่งเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ พรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะมีมติให้เห็นชอบกับข้อสังเกต แต่สุดท้ายเมื่อผลโหวตออกมา เสียงที่เห็นชอบจำนวน 140 กว่าเสียง น่าจะมาจากพรรคฝ่ายค้านเกือบทั้งหมด มีข้อสังเกตกันว่า ความไม่เป็นเอกภาพพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องนี้ จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้ โดยขณะนี้มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับรอเข้าสภาในสมัยการประชุมครั้งหน้าคาดว่าตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป 

ขณะที่เครือข่ายนิรโทษกรรม ออกแถลงการรณ์ เรียกร้องให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันผลักดันการนิรโทษกรรมต่อไป โดยเร่งนำร่างกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรและรับหลักการของทุกร่างพระราชบัญญัติ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถมีโอกาสใช้พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะและหาทางออกร่วมกันต่อไป

แถลงการณ์เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน

เรียกร้องให้นิรโทษกรรมคดีการเมืองทุกฝ่าย ทุกมาตรา

เผยแพร่วันที่ 25 ตุลาคม 2567

            ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ได้รายงานผลการศึกษาต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 โดยมีมติเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของรายงานผลการศึกษาในวันนี้ และรับทราบในส่วนเนื้อหารายงานการศึกษาฯ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนขอชี้แจงประเด็นการนิรโทษกรรมที่สังคมและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ดังต่อไปนี้

1. การนิรโทษกรรมระลอกนี้เป็นการนิรโทษกรรมระยะยาว โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะรวมความขัดแย้งทางการเมืองของทุกสี ทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา หนึ่งในข้อเรียกร้องทางการเมืองของประชาชนคือ การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ดังนั้น คดีทางการเมืองที่ตามมา คือ คดีมาตรา 112 ซึ่งมีการดำเนินคดีเกือบ 300 คดี นับว่าเป็นจำนวนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยตลอดกาล ปัจจุบันมีผู้ต้องขังคดีมาตรา 112  อย่างน้อยถึง 25 รายจากผู้ต้องขังการเมืองทั้งหมดทั่วประเทศที่มีอย่างน้อย 37 ราย คดีมาตรา 112 จึงนับเป็นประเภทคดีที่มีผู้ถูกคุมขัง ‘สูงที่สุด’ เมื่อเทียบกับการดำเนินคดีในมาตราอื่น ๆ

2. การนิรโทษกรรม ‘ไม่ใช่’ การแก้ไขกฎหมายและไม่ใช่การยกเลิกกฎหมาย การนิรโทษกรรม คือ ‘การยกเว้นโทษ’ ให้กับเหตุการณ์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่ผ่านมาแล้ว แม้จะมีการนิรโทษกรรม แต่กฎหมายมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา ยังคงดำรงอยู่ โดยมิได้เป็นการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมาย และไม่กระทบกระเทือนต่อสถานะในทางกฎหมายของสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม การนิรโทษกรรมจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งและทำให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้

3. หากมีการนิรโทษกรรมคดีซึ่งเกิดจากการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจะสอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนอย่างกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและกฎหมายระหว่างประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป็นรากฐานของสังคมที่เคารพและคุ้มครองสิทธิ  นอกจากนั้น การยกเลิกการดำเนินคดียังสอดคล้องกับบทบาทการเข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Human Rights Council – UNHRC) ซึ่งเป็นองค์การระหว่างรัฐบาลในระบบสหประชาชาติที่มีความรับผิดชอบในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของทุกคนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

4. เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนทราบดีว่าคดีมาตรา 112 เป็นความขัดแย้งซึ่งยังไม่มีข้อยุติในสังคมไทย แต่การนิรโทษกรรมเป็นก้าวแรกของการให้โอกาสใหม่กับทุกคน เพื่อปลดล็อกให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ โดยสังคมยังมีโอกาสในการพูดคุยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงต่อไปในอนาคต

เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนขอสนับสนุนให้เกิดการพูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อนำไปสู่การนิรโทษกรรมเพื่อคลี่คลายทุกความขัดแย้งในสังคม เพราะแม้สภาผู้แทนราษฎรจะรับทราบรายงานคณะกรรมาธิการฯ แล้ว แต่กระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมยังไม่เกิดขึ้น เครือข่ายนิรโทษกรรมจึงขอเรียกร้องให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันผลักดันการนิรโทษกรรมต่อไป โดยเร่งนำร่างกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรและรับหลักการของทุกร่างพระราชบัญญัติ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถมีโอกาสใช้พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะและหาทางออกร่วมกันต่อไป
 ด้วยความเคารพต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน

            เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน