บทความ

ย้ายผู้ต้องขังการเมือง เจตนาชั่วร้ายหรือดีกันแน่  ?


ย้ายผู้ต้องขังการเมือง เจตนาชั่วร้ายหรือดีกันแน่  ?

การคุมขังนักโทษไปที่เรือนจำแห่งใดมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนในการจำแนกผู้ต้องขังตามโทษหนักเบาและประเภทของผู้ตัองขัง เช่นนักโทษระหว่างการพิจารณาคดีของศาลจะคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นักโทษที่เด็ดขาดมีโทษ 15 ปีขึ้นไป คุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม และโทษประหารชีวิตที่เรือนจำบางขวาง ต่อมาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้จำแนกผู้ต้องขังการเมืองมาไว้ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ หรือคุกโรงเรียนพลตำรวจบางเขน

แบบแผนดังกล่าวไม่มีปัญหาในด้านสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง จะมีการย้ายผู้ต้องขังเกิดขึ้นได้กับกรณีที่ผู้ต้องขังผู้ทรงอิทธิพลก่อเหตุวิวาทหรือทำผิดระเบียบเรือนจำร้ายแรง ซึ่งมักถูกย้ายไปเรือนจำความมั่นคงสูง แต่ที่เป็นปัญหาขณะนี้ก็คือ การย้ายผู้ต้องขังการเมืองจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพไปที่เรือนจำกลางบางขวางที่เป็นเรือนจำสำหรับนักโทษประหารชีวิต

การย้ายแบบนี้มีลักษณะกลั่นแกล้งกดดันผู้ต้องขังให้ได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากกระทั่งมีเจตนาแฝงเร้นที่จะให้ถึงแก่ความตายไปด้วย 

การย้ายแบบฉับพลัน ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ลับๆล่อ ใช้กำลังจู่โจม จนเป็นเหตุปะทะนักโทษการเมืองสามคนได้รับบาดเจ็บโดยเฉพาะ โสภณ สุรฤทธิ์ธำรงได้รับบาดเจ็บและถูกย้ายไปอยู่แดน 2 เช่นเดียวกันกับที่ปรากฏข่าวออกมาว่ามีคำสั่งลับจะย้ายอานนท์ นำภา ไปอยู่แดนประหารชีวิต ยิ่งทำให้เชื่อได้ว่า การย้ายผู้ต้องขังการเมืองครั้งนี้มีเจตนาร้าย มากกว่าเป็นอย่างอื่น

ความเลวร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นกับรัฐบาลแพทองธาร ที่มีพลตร.เอกทวี สอดส่องเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ไม่ใช่แต่จะเพิกเฉยในการปล่อยตัวนักโทษการเมืองเท่านั้น ยังกระทำย่ำยี ถึงกับหมายปองชีวิตกันอีกด้วย

สมยศ พฤกษาเกษมสุข 20.3.68