
ย้อนกลับไป 391 ปีมาแล้ว สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ปราสาททอง เป็นกษัตริย์องค์ที่24 สมัยอยุธยา ระหว่าง พศ.2173-2199
ก่อนจะยึดอำนาจตั้งตนเป็นกษํตริย์กรุงศรีอยุธยาได้ แกเป็นขุนนางที่มีความประพฤติเหลวไหลเช่นเมาสุรา ลักเล็กขโมยน้อย ท้าตีท้าต่อย เคยถูกลงโทษถึงติดคุกติดตะราง แต่ไถ่โทษตนเองด้วยการอาสาไปทำศึกสงครามจนได้รับตำแหน่งใหญ่โตเป็นที่โปรดปรานเป็นถึงเสนาบดีกรมวัง จนต่อมาได้ตำแหน่งเป็นออกญาศรีวรวงศ์
ปี 2171พระเจ้าทรงธรรมสวรรคต ได้ตั้งโอรสสมเด็จพระเชษฐาธิราชที่มีอายุเพียง 15 ปี รับราชสมบัติสืบต่อ ทรงฝากฝังออกญาศรีวรวงศ์ให้คอยดูแล ทำนุบำรุงพระโอรสของพระองค์ เพราะเหตุที่ว่าการสืบทอดอำนาจของกษัตริย์มักจะมีการฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจในหมู่ญาติและขั้วขุนนาง ออกญาศรีวรวงศ์ทำการปราบปรามพวกที่คิดจะแย่งชิงอำนาจจนราบคาบหมดสิ้น จึงได้รับตำแหน่งเป็น “เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์” กุมกำลังทหารมีอำนาจในราชสำนัก
สมเด็จพระเชษฐาธิราช ยุวกษัตริย์พระองค์ใหม่ ไม่สนใจการบริหารราชการ มัวเมาอยู่กับสนมนมเนยหมกมุ่นแต่กามกิจ ประพฤติตนเหลวแหลกออกคำสั่งตามอำเภอใจ ใครขัดคำสั่งก็จับเข้าคุกหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งจนเป็นที่เอือมระอา ส่วนเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ได้ดูแลราชการแผ่นดินแทน เป็นคนมีไมตรีจิต อัชฌาศัยดี แบ่งปันทรัพย์สินและอำนาจให้ขุนนางอยู่กันสุขสบาย โดยแสดงออกถึงความจงรักภักดี ใครพูดไม่ดี นินทากษัตริย์ก็ถูกเอาไปติดคุก พร้อมทั้งประกาศว่า จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาพระเกียรติยศของกษัตริย์แม้ว่ากษัตริย์จะมีความประพฤติเป็นที่เอือมระอากันเต็มที
ส่วนขุนนางคนใดที่มีความขัดแย้งกับ เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ก็จะถูกกล่าวหาว่าทะเยอทะยาน ถูกเนรเทศ ต้องลี้ภัยไปต่างแดน หรือถูกริบราชบาตร ถูกกำจัดออกไปจากศูนย์อำนาจ
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์จึงมีอำนาจมากขึ้นเป็นที่เกรงขามทั้งรักใคร่ทั้งเกรงกลัว จึงมีขุนนาง พ่อค้า ส่งของกำนัลมามอบให้ จนร่ำรวยทั้งทรัพย์สินและอำนาจ
พ.ศ. ๒๑๗๒ เมื่อเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์จัดงานฉลองอัฐิของบิดา ที่วัดกุฎธาราม มีข้าราชการระดับสูงออกไปช่วยงาน นอนค้างแรมอยู่จำนวนมาก เป็นเหตุให้งานศพครั้งนั้นยิ่งใหญ่ผิดจากงานศพขุนนางในอดีตหลายเท่า
สมเด็จพระเชษฐาธิราชทรงระแวงเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ว่าจะคิดกบฏ คิดล้มล้างการปกครอง เนื่องจากทรงถูกยุยงจากพระราชมารดาและขุนนางเดิมของพระองค์ จงพระพิโรธสั่งให้ทหารคนสนิทไปจับตัวเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์มาเข้าเฝ้าแต่ความลับรั่วไหลเสียก่อน
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์จึงกล่าวปราศรัยต่อข้าราชการที่มาร่วมงานฉลองอัฐิทั้งปวงว่า ตนเองมีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแล้ว “เราทำราชการกตัญญูแต่ครั้งพระพุทธเจ้าหลวงมา ท่านทั้งปวงก็แจ้งอยู่สิ้น แลเมื่อพระพุทธเจ้าหลวงสวรรคตแล้วถ้าเรารักราชสมบัติ ท่านทั้งปวงเห็นจะพ้นเราเจียวหรือ” ข้าราชการคนใดมีท่าทีไม่เห็นด้วยก็จะถูกนำไปขังคุกจนเข็ดหลาบกัน
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่ออีกว่า “เจ้าแผ่นดินว่าเราเป็นกบฏคิดล้มล้างการปกครองแล้วเราจะทำตามรับสั่ง ท่านทั้งปวงจะว่าประการใด”
ขุนนางทั้งปวงกราบแล้วตอบว่า “ถ้าท้าวพระกรุณาจะทำการใหญ่จริง ข้าพเจ้าทั้งปวงจะเอาชีวิตสนองพระคุณตายก่อน”
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์จึงทำการล้มล้าง ยึดอำนาจได้สำเร็จ จับตัวสมเด็จพระเชษฐาธิราชมาประหารชีวิต แล้วตั้งพระอาทิตยวงศ์ พระราชบุตร อายุ 9 ขวบ ขึ้นครองราชย์ ส่วนตนเองก็เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีอำนาจสูงสุดจน ถัดมาเพียง 38 วันก็จับพระอาทิตยวงศ์สำเร็จโทษ แล้วปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็น พระเจ้าปราสาททอง ปฐมกษัตรย์ราชวงศ์ปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา
สมยศ พฤกษาเกษมสุข 12.11.64