บทความ

ประชาธิปไตยต้องไปต่อ สว.ต้องโหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี


แถลงการณ์กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยต้องไปต่อ สว.ต้องโหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี

        ผลการเลือกตั้ง 14 พค.ประชาชนเลือกเพื่อไทยและก้าวไกลรวมกันได้ 25 ล้านเสียง ดังนั้นนายกรัฐมนตรี จึงต้องเป็นของพรรคการเมืองอันดับหนึ่งคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ซึ่งได้รวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ถึง 312 เสียงด้วยกัน จึงเป็นมติมหาชน เป็นเจตจำนงของประชาชนที่ต้องการให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

        ดังนั้นในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 สมาชิกวุฒิสภาจึงต้องโหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน การงดออกเสียงและการไม่โหวตให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า สว. กำลังสืบทอดอำนาจเผด็จการ เป็นการขัดขวางประชาธิปไตยและเป็นการทำลายเสียงของประชาชนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นการกระทำที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง

        การที่สว.จำนวนหนึ่งได้ตั้งเงื่อนไขการไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีว่าพรรคก้าวไกลจะแก้ไขมาตรา 112 การตั้งเงื่อนไขเช่นนี้เป็นการกระทำที่เกินต่อหน้าที่ สว.ตามรัฐธรรมนูญเนื่องจาก การแก้ไขมาตรา 112  เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญทุกประการ เป็นกระบวนการทางนิติบัญญัติ ซึ่งหากมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร สว.สามารถกลั่นกรองกฎหมายหรือไม่เห็นชอบกฎหมายดังกล่าวได้ การนำประเด็นนี้มาตั้งเป็นเงื่อนไขในการไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกจึงเกินไปกว่าอำนาจหน้าที่ของ สว.ตามครรลองประชาธิปไตย  เป็นการทำลายกระบวนการนิติบัญญัติของรัฐสภาและเป็นการทำลายสิทธิเสรีภาพประชาชน

        การที่พรรคก้าวไกลเสนอการแก้ไขมาตรา 112 เป็นหน้าที่ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี สส.ฝ่ายค้านตรวจสอบให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ส่วนการที่ประชาชนเข้าชื่อกันเรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรา 112 นั้นเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน การอ้างเหตุผลการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ในการไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการทำลายกระบวนการทางนิติบัญญัติและทำลายสิทธิเสรีภาพประชาชน

        การไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าไปอีกสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ สังคม และการบริหารราชการแผ่นดิน ก่อให้เกิดความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน จึงเป็นภัยความมั่นคงของรัฐ 

       กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจึงขอเรียกร้องต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภา 250 คนให้ยึดมั่นต่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยด้วยการโหวตให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทสไทยในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นี้

กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย 11 กรกฎาคม 2566