แถลงการณ์เครือข่ายประชาชน
เรื่อง สมาชิกวุฒิสภาต้องลงมติตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรในการโหวตนายกรัฐมนตรี

ในวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม 2566 รัฐสภาจะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย โดยการลงมติดังกล่าวประกอบด้วยเสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 500 คน ซึ่งได้รับตำแหน่งจากการเลือกตั้งโดยประชาชน และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ซึ่งได้รับตำแหน่งจากการคัดสรรโดยคณะรัฐประหารคสช. ตามระเบียบในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่คณะรัฐประหารดังกล่าวเป็นผู้ร่าง รวมทั้งสิ้น 750 เสียง โดยผู้ที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจากสมาชิกรัฐสภา หรือ 376 คน หากเสียงลงมติไม่มากกว่ากึ่งหนึ่ง ก็ต้องทำการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีรอบใหม่

ในสภาวะที่เครือข่ายเผด็จการยังไม่พ้นจากสมการทางการเมือง เครือข่ายประชาชนจึงเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาทุกคน ขอให้คุณลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากฉันทามติของประชาชน ที่สะท้อนจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร และต้องลงมติให้เสร็จภายในครั้งแรก ไม่งดออกเสียง ไม่สร้างเงื่อนไขทางการเมืองให้เกิดการลงมติเลือกนายกฯ ใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้สังคมไทยฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์โดยเร็ว

ประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง เรามิได้มาขอร้อง ออดอ้อน หรือขอความเมตตา แต่มาเพื่อปกป้องประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน

มีคำกล่าวเรียกพวกคุณอย่างติดหูว่า “ท่านสมาชิกสภาฯ ผู้ทรงเกียรติ” เกียรติของคุณมิได้อยู่ที่เงินเดือน ทรัพย์สิน หรืออาภรณ์แต่อย่างใด หากแต่อยู่ที่ตำแหน่งหน้าที่ที่คุณแบกรับนั้น ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของประชาชนและประเทศชาติ สามารถกำหนดทิศทางให้ประชาชนมีชีวิตที่ลำบากเฉกเช่น 8 ปีที่ผ่านมา หรือทำให้อนาคตของประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ พวกคุณจำเป็นต้องลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตามมติของประชาชนที่สะท้อนออกมาผ่านการเลือกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากเสียงข้างมาก หยุดสร้างเงื่อนไขที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และห้ามกระทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนโดยอ้างประชาชน เพราะสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นหากพวกคุณกระทำการขัดต่อเจตจำนงของประชาชน พวกคุณก็คือผู้สืบทอดอำนาจเผด็จการของคณะรัฐประหาร เป็นศัตรูและภัยความมั่นคงต่อระบอบประชาธิปไตย และเมื่อถึงวันที่อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย วันนั้นผู้สืบทอดอำนาจเผด็จการจะได้รับบทลงโทษจากประชาชนอย่างสาสม

ขอแสดงความนับถือ