แรงงาน

ศึกชิงธงเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม


ศึกชิงธงเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม
สมยศ พฤกษาเกษมสุข

เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่มีระบบประกันสังคมในประเทศไทยเป็นต้นมาที่ผู้ประกันตนจะได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนประกันสังคม ในปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีจำนวนถึง 2.3 ล้านล้านบาท เป็นกองทุนใหญ่ที่สุดในขนาดเท่างบประมาณประจำปีของรัฐบาล ครอบคลุมผู้ประกันตนกว่า 24 ล้านคน

ตามพรบ.ประกันสังคมพศ.2558 กำหนดให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคมกันตั้งแต่ปี 2558 แต่ทว่า บอร์ดประกันสังคมภายใต้การกำกับโดยกระทรวงแรงงานในยุครัฐบาลประยุทธ์ เตะถ่วงหน่วงเหนี่ยว ไม่จัดให้มีการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม จนกระทั่งเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชนโดยเซีย จำปาทองและธนพร วิจันทร์ ได้ออกมาผลักดันให้มีการเลือกตั้งหลายครั้งจนในที่สุดได้กำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคมในวันที่ 24 ธันวาคม 2566

แต่ดูเหมือนว่าหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งกลับไม่ได้เป็นประชาธิปไตยและมีความโปร่งใสเช่น ผู้ประกันตนที่เป็นแรงงานข้ามชาติไม่มีสิทธิเลือกตั้ง และต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนการประกาศให้มีการเลือกตั้ง ในส่วนคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องจ่ายเงินสมทบติดต่อกัน 3 ปี จากการเปิดเผยปรากฏว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีเพียง 14 ล้านคน

ในการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม มีการอนุมัติงบประมาณ 200 ล้านบาทในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยให้ผู้ประกันตนต้องลงทะเบียนระหว่างวันที่ 12-31 ตุลาคม 2566 เพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งกับสำนักงานประกันสังคมเท่านั้นจึงจะมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ปรากฏว่า มีผู้มาลงทะเบียนกันเพียง 80000 คน ซึ่งถือว่ายังอยู่ในอัตราที่ต่ำเป็นอย่างมากจากจำนวนผู้มีสิทธิ 14 ล้านคน ทั้งนี้เกิดจาก การขาดการรณรงค์อย่างจริงจังของคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง

หากจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งยังอยู่ในอัตราที่ต่ำมากเช่นนี้ ย่อมทำให้การได้มาซึ่งคณะกรรมการประกันสังคมขาดความชอบธรรม เป็นปัญหาการบริหารงานกองทุนประกันสังคมในอนาคตได้ ในขณะเดียวกันเชื่อกันว่า ในจำนวนผู้มาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนที่หมายถึงมีการล๊อคคะแนนเสียงผู้ประกันตนให้ได้ คณะกรรมการประกันสังคมตามความประสงค์ของส่วนราชการที่กำกับดูแลประกันสังคมมาตลอดกว่า 30 ปี

ทางด้านผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันแรกการเปิดรับสมัครปรากฏว่า มีผู้สมัครในรายบุคคลและที่มาสมัครเป็นทีมงาน 7 คนด้วยกัน ที่น่าสนใจและมาแรงอย่างมากมีด้วยกัน 3 ทีมด้วยกัน คือทีมแรกนำโดยพนัส ไทยล้วนและ ชินโชติ แสงสังข์ อดีตคณะกรรมการประกันสังคมที่กระทรวงแรงงานคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งสองคนนี้มีทรัพยากรด้านการเงินดีกว่าทุกกลุ่มและยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนายจ้าง มีความเชี่ยวชาญในการเข้าไปบริหารองค์กรไตรภาคีคณะต่างๆมาอย่างยาวนาน กลุ่มที่2ในนามของ สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทยนำโดย เรืองรุ่ง วิเชียรพงษ์ และ สุนทรี เซ่งกิ่ง  มีฐานสนับสนุนจากแรงงานนอกระบบและส่วนหนึ่งในภาคอุตสาหกรรม กลุ่มที่ 3 ในนามของประกันสังคมก้าวหน้านำโดย ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี บุญยืน สุขใหม่ และธนพร วิจันทร์ มีจุดเด่นในด้านนโยบายเพิ่มสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสังคมแบบก้าวกระโดดสูงสุดกว่าทุกกลุ่ม และ เป็นทีมงานคนรุ่นใหม่ ที่เคยมีบทบาทต่อสู้เพื่อสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานในช่วง 3ปีที่ผ่านมาอีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพรรคก้าวไกล ส่วนทีมอื่นๆยังไม่ปรากฏชัดเจนในการหาเสียงเท่า 3 กลุ่มนี้ รวมทั้งยังมีผู้สมัครรับเลือกตั้งรายบุคคลอีกจำนวนมากเช่นกันที่หวังจะเข้าสู่การเป็นผู้บริหารกองทุนประกันสังคม  

การเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคมในวันที่ 24 ธันวาคม 2566 นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงการประกันสังคมในประเทศไทย จะก้าวหน้า ทำให้ผู้ประกันตนมีความมั่นคงและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หรือจะล้าหลังด้วยการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนแบบอนาถาแต่นำเงินกองทุนประกันสังคมเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริหารกองทุนและเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจพวกพ้องนักการเมืองและข้าราชการที่ฉกฉวยเงินประกันสังคม  ย่อมขึ้นอยู่กับผู้ประกันตน 14 ล้านคนที่จะต้องลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งภายใน 31 ตุลาคมนี้ และ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกคณะกรรมการประกันสังคมที่มีความรู้ความสามารถบริหารงานกองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ประกันตน 24 ล้านคนในขณะนี้

สมยศ พฤกษาเกษมสุข 25.10.66

ทีมประกันสังคมก้าวหน้า
ทีมสมานฉันท์
ทีมพนัส ไทยล้วน และชินโชติ แสงสังข์