กระบวนการยุติธรรม ข่าว

เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ร้องยูเอ็นผลักดัน รัฐบาลเศรษฐา หนุนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน


เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนร้องยูเอ็นผลักดันรัฐบาลเศรษฐา หนุนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน

22.1.67 เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ประกอบไปด้วย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ฯลฯ เข้าพบ Dip Magar เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนตัวแทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เพื่อให้รัฐบาลไทยแก้ไขมาตรา 112 และออกกฎหมายนิรโทษกรรรมให้กับประชาชนในทุกกรณี

พูนสุข พูนสุขเจริญ แกนนำนิรโทษกรรมประชาชนกล่าวว่า ได้รายงานถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่ยังคงมีกฎหมายที่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นและมีการจับกุมคุมขังประชาชนจำนวนมาก แม้ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม   การตัดสินในคดีที่ประชาชนต่อสู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย มีความรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดในคดีตามมาตรา 112 มีการตัดสินให้จำคุกถึง 50 ปี จนเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลก

“ การที่รัฐบาลไทยจะสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในฐานะตัวแทนอาเซียน ที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนตุลาคม 2567 นี้ เป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้เข้าร่วมอย่างสง่างามด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนพูนสุข กล่าว

รายงานข่าวระบุถึงที่มาของร่างพรบ.นิรโทษกรรมประชาชน เป็นการนำเสนอจากตัวแทนองค์กรต่างๆที่เคยเข้าร่วมการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ระหว่างปี 2563-2566 ทำให้มีนักโทษการเมืองถูกคุมขังเป็นจำนวน 37 คนด้วยกัน อีกทั้งมีการตัดสินคดีตามมาตรา 112 มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังเช่น ทนายความอานนท์ นำภา ซึ่งถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาถึง 8 ปี โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง(เก็ท) โทษจำคุกถึง 6 ปี และ มงคล ถิระโครต (บัสบาส)จำคุก 50 ปี ด้วยกัน ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนนี้จะครอบคลุมในการนิรโทษกรรมประชาชนทุกกรณีทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มคนเสื้อเหลือง คณะราษฎรระหว่างปี 2563-2566 และผู้ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 นับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล (มายด์)แกนนำ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน กล่าวว่า การนิรโทษกรรมประชาชน จะเป็นจุดเริ่มในการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยการคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคดีการเมือง และจะเป็นการยืนยันถึงอำนาจ สิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ว่าเราต้องสามารถแสดงความเห็นต่อทุกสถาบันการเมืองที่อยู่ใต้รัฐธรรมนูญได้ 

ทั้งนี้ระหว่าง 1-14 ก.พ.2567 จะมีการรณรงค์ รวบรวมรายชื่อเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน แสดงเจตจำนงเพื่อผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรต่อไป

Kanokwan Kankaw รายงาน

แถลงการณ์เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน

เรียกร้องให้สหประชาชาติสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกประชาชน โดยการสนับสนุนให้รัฐบาลผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนก่อนสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก่อนการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567

เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนเกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กรทางกฎหมาย นักวิชากร องค์กรภาคประชาสังคม และ นักกิจกรรมทางสังคมกว่า 23 องค์กร เพื่อเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน ต่อรัฐบาลไทยในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในทางการเมือง พวกเรากังวลอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับการดำเนินคดีที่กำลังเกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย และประชาชน จำนวนมากกว่า 1,400 ราย สืบเนื่องจากการออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและชุมนุมโดยสันติ

อย่างไรก็ตาม จำนวนตัวเลขนี้นับว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับภาพรวมที่ประชาชนกว่า 6,000 ราย ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองนับตั้งแต่การรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (เสื้อแดง) หลังจากรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 การชุมนุมประท้วงของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) การทำรัฐประหาร พ.ศ. 2557 และการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยเยาวชน ประชาชนทั่วไป และคณะราษฎร เพื่อประท้วง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ก่อการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2557 และนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2557 จนถึงก่อนการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2566

ตลอดภาพประวัติศาสตร์ทางการเมืองนี้ มีประชาชนไม่ต่ำกว่า 6,000 คนที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการทำกิจกรรมทางการเมือง อีกทั้งภายหลังการทำรัฐประหารในปีพ.ศ. 2557 ยังมีบุคคลกว่า 2,400 รายที่ถูกดำเนินคดีในศาลทหาร ยิ่งไปกว่านั้นแล้วภายหลังการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยเยาวชน และประชาชนโดยทั่วไป นับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2563 จนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2566 มีผู้ถูกดำเนินคดีผ่านการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ อย่างน้อย 1,938 คน ซึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่น้อยกว่า 286 คน รวมกว่า 1,264 คดี

อย่างไรก็ดี ภายใต้รัฐบาลผสมชุดใหม่ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 นั้นยังปรากฏการดำเนินคดีทางการเมืองต่อนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องระหว่างเดือนกันยายนและธันวาคม พ.ศ. 2566 ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ หรือ คดีมาตรา 112 ในทั้งหมด 31 คดี โดยคดีที่ศาลลงโทษจำคุกทั้งหมด 28 คดี หรือคิดเป็น 90% ของช่วงเวลาดังกล่าว และมีคดีมาตรา 112 ที่จำคุกมากที่สุดถึง 50 ปี

พวกเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหากไม่มีการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบของประชาชนจากทุกฝักฝ่ายทางการเมืองในทุกมิติอย่างจริงจัง จะส่งผลเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการสร้างความปรองดองทางการเมือง พวกเราจึงมีความประสงค์ให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แสดงความจริงใจต่อการสร้างความปรองดองทางการเมืองและความมุ่งมั่นต่อสิทธิมนุษยชน ด้วยการผ่านการสนับสนุนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่ครอบคลุมไปถึงมาตรา 112 (หมิ่นประมาทกษัตริย์) แห่งประมวลกฎหมายอาญา สำหรับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยรณรงค์หาเสียงเพื่อเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก่อนการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 และ ขอเรียกร้องให้สหประชาชาติ

  • สนับสนุนให้รัฐบาลไทยรับประกันสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสันติตามข้อ 19 และข้อ 21 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
  • สนับสนุนให้รัฐบาลไทยระงับไว้ซึ่งการดำเนินคดีต่อผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชน ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงออกทางความคิดและการชุมนุม
  • สนับสนุนให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวนักโทษทางความคิด โดยรวมไปถึงเยาวชนที่ถูกคุมขังสืบเนื่องมาจากการแสดงออกทางการเมือง
  • สนับสนุนให้รัฐบาลไทยทบทวนและแก้ไขมาตรา 112 (หมิ่นประมาทกษัตริย์) แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าวสอดคล้องกับข้อแนะนำภายใต้กระบวนการพิเศษแห่งสหประชาชาติ และคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ 
  • สนับสนุนให้มีการผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชน ก่อนสิ้นปี พ.ศ. 2567

ด้วยความเคารพต่อสิทธิเสรีภาพ

เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน