โมกหลวงบุกกสม.แฉเรือนจำให้ขนุนไปอยู่แดน 6 เป็นการทรมานนักโทษการเมืองระหว่างการพิจารณาคดีของศาล
กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินหน้าเรียกร้องสิทธิประกันตัว
โมกหลวงริมน้ำ และกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย โดย ธนภัทร ธรรมโชติ ธิติมา ทองศรี แอนนา แอนนานนท์ สมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมด้วยมวลชน 15 คน รวมตัวกันกันที่ห้องโถง ศูนย์ราชการอาคารบี ถือป้ายข้อความคืนสิทธิประกันตัว พร้อมด้วยรูปภาพสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือ ขนุน เข้าแถวหน้ากระดานเดินกลางสนามพร้อมตะโกน จากแม่น้ำถึงขุนเขาปล่อยเพื่อนเราเดี๋ยวนี้ ถึงชั้น 6 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมี ผศ.สุชาติ เศรษฐมาลินี และ ปิติกาญจน์ สิทธิเดช พร้อมด้วยคณะมาร่วมพูดคุยและรับหนังสือ ทั้งนี้มีการร้องเรียนในกรณีที่ผู้ต้องขังมาตรา 112 ไม่ได้รับสิทธิประกันตัวและการนำไปคุมขังในที่ยากลำบากรวมกับนักโทษคดีร้ายแรงเป็นการทรมานระหว่างการพิจารณาคดี
ธิติมา ทองศรี ตัวแทนสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ กล่าวถึง กรณีสิรภพ ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 2 ปี เท่ากับเป็นโทษไม่ร้ายแรง คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์แต่กลับไม่ได้การประกันตัว นอกจากนี้ เมื่อถูกคุมขังยังถูกนักโทษคนอื่นๆในเรือนจำคุกคามเนื่องจากทัศนคติการเมืองแตกต่างกัน รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายในเรือนจำ เช่น จำกัดคนเยี่ยมได้เพียง 10คน จำกัดการส่งหนังสือเดือนละ 1 เล่ม ไม่มีหนังสือพิมพ์ให้อ่าน
ธนภัทร ธรรมโชติ แกนนำกลุ่มโมกหลวงริมน้ำพูดถึงปัญหาการส่งจดหมายโดมี่เมลของผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ไม่ยอมส่งจดหมายออกมา และถูกตีกลับไม่แจ้งให้ญาติหรือเพื่อนทราบบ่อยครั้ง ทำให้ในระบบจดหมายมีจำนวนตัวเลขไม่ตรงกับจดหมายที่นักโทษได้รับ เพราะไม่ได้ตีกลับเข้าระบบส่งจดหมาย เจ้าหน้าที่มีการเซ็นเซอร์จดหมายโดยอ้างความมั่นคงโดยไม่อธิบายว่าเป็นภัยความมั่นคงอย่างไร
แอนนา อันนานนท์ กล่าวถึงการคุมขังเยาวชนซึ่งถูกคุมขังตามาตรา 112 มีข้อกำหนดการซื้อของเยี่ยม ต้องซื้อให้กับผู้ต้องขังทุกคนด้วย ขอให้เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ชี้แจงถึง การที่ศาลไม่ไห้สิทธิประกันตัวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงขอให้มีการดำเนินการด้านต่างๆสะท้อนปัญหานี้ในสังคมวงกว้าง ส่วนปัญหา คุณภาพชีวิตผู้ต้องขังในเรือนจำ เป็นปัญหาเนื่องจากเรือนจำกำหนดระเบียบต่างเอื้อประโยชน์ให้กับคนรวยหรือผู้มีอิทธิพล ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ การเอานักโทษอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลไปขังไว้แดนอันตราย เท่ากับเป็นการทรมาน จึงขอให้ย้ายนักโทษคดีการเมืองทั้งหมดจากแดน 6 มาอยู่แดน 4 ด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาเคยทำได้ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เรื่องนี้เคยร้องเรียนรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมไปแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีการแก้ไขให้ดีขึ้น สิ่งที่กรมราชทัณฑ์ชี้แจงมักเป็นเรื่องโกหก มีการปิดบังปัญหาต่างๆในเรือนจำ การตรวจสอบมักเข้าไม่ถึงข้อเท็จจริง
ผศ.สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่าจะใช้การประสานงานเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนหากไม่ได้ผลจะเริ่มทำการสอบสวนและมีคำสั่งแนะนำให้ปฏิบัติตาม จะดำเนินการสอบสวนข้อเรียกร้องจากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำและกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยที่มากันในวันนี้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเพิ่มเติมประเด็นต่างๆได้
ภายหลังการร้องเรียนของกลุ่มโมกหลวงริมน้ำและกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยในครั้งนี้ได้รับแจ้งมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพในเวลา 12.00 น.ได้มีคำสั่งย้ายด่วนนักโทษการเมืองจากแดน 6 มาแดน 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กลุ่มโมกหลวงริมน้ำและกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
46/428 ม.ริมสวน ประชาอุทิศ 12 ดอนเมือง กรุงเทพ 10210 โทร. 065-5575005
วันที่ 19 มิถุนายน 2567
เรื่อง สิทธิประกันตัวและสิทธิผู้ต้องขังในคดีการเมือง
เรียน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือ ขนุน นักกิจกรรมแกนนำ ‘มศว คนรุ่นเปลี่ยน’มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์ กำลังศึกษาปริญญาโท รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ วัย 23 ปี นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ถูกกล่าวหาด้วยมาตรา 112 ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 2 ปี คดีอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ต่อศาลอุทธร ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567
การไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว ไม่เพียงแต่ทำให้ขนุนขาดโอกาสการเรียนต่อปริญญาโท ยังทำให้ขาดโอกาสการเข้าถึงการอำนวยความยุติธรรม ในการต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด เท่ากับว่าได้ตัดสินล่วงหน้าว่าได้กระทำความผิดไปแล้ว ซึ่งขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชนที่ว่า ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ระหว่างการคุมขัง ขนุน ถูกคุมขังในแดน 6 ซึ่งเป็นที่คุมขังสำหรับนักโทษที่มีความผิดร้ายแรง ภายใต้สภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้าย จึงขอร้องเรียน (1) อาหารขาดคุณภาพ น้ำดื่มไม่เพียงพอ ห้องน้ำแบบนั่งยองแบบติดพื้น สกปรก น้ำชำระล้างไม่พอเพียง ห้องนอนแออัด อยู่ปะปนกับนักโทษคดีทั่วไปที่มีทัศนคติการเมืองแตกต่างกันอันอาจนำมาสู่การวิวาท ทำร้ายร่างกายได้ กระทบต่อจิตใจอันเป็นการทรมานระหว่างการพิจารณาคดีของศาล
นอกจากนี้สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ จิรวัฒน์ จิรสกุล ธนายุทธ์ ณ อยุธยา ซึ่งถูกคุมขังอยู่แดน 6 ได้ร้องเรียนต่อญาติและเพื่อนสนิท ให้ดำเนินการร้องเรียน 2-ในกรณีการเยี่ยมญาติที่ถูกกำหนดให้มีเพียง 10 คน และจะเปลี่ยนชื่อ หรือเพิ่มเติมได้ใช้เวลา 1 เดือน ทำให้ผู้ต้องขังคดีการเมืองและระหว่างการพิจารณาคดี ไม่มีโอกาสได้เยี่ยมญาติ โดยครอบครัวและเพื่อนๆ ต้องหยุดงานมาเยี่ยม กระทบต่อรายได้ครอบครัว ดังนั้นจึงขอให้ยกเลิก จำนวนผู้เข้าเยี่ยม 10 คน เปิดกว้างให้ เพื่อน และ ประชาชนที่ห่วงใยต่อนักโทษการเมืองเหลานี้ได้เยี่ยมโดยสะดวก และเพิ่มจำนวนวันเยี่ยมในวันเสาร์-อาทิตย์ 3. ให้แก้ไขระเบียบการส่งหนังสือให้ผู้ต้องขังที่กำหนดให้เพียงเดือนละ 1 เล่ม เป็นการส่งหนังสือได้ไม่จำกัดทั้งนี้การที่ผู้ต้องขังได้อ่านหนังสือจะเป็นการพัฒนาความรู้และจิตใจระหว่างการถูกคุมขัง 4.ให้เรือนจำจัดให้มีหนังสือพิมพ์ให้ผู้ต้องขังทุกวัน 5.ปัญหาการส่งจดหมายโดมี่เมลของผู้ต้องขังเจ้าหน้าที่ไม่ยอมส่งจดหมายออกมาถูกตีกลับ ไม่แจ้งให้ญาติหรือเพื่อนทราบ บ่อยครั้ง ทำให้ในระบบจดหมายมีจำนวนตัวเลขไม่ตรงกับจดหมายที่นักโทษได้รับเพราะไม่ได้ตีกลับเข้าระบบส่งจดหมาย เจ้าหน้าที่มีการเซนเซอร์จดหมายโดยอ้างความมั่นคงโดยไม่อธิบายว่าเป็นภัยความมั่นคงอย่างไร
จึงเรียนมายัง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการตรวจสอบข้อร้องเรียนเพื่อ1.ให้ผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีได้รับสิทธิการประกันตัวเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลและ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ICCPR และ2.แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ต้องขังการเมืองในด้านต่างๆที่กล่าวมาแล้วข้างต้นโดยขอให้สอบสวนข้อเท็จจริงจากสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ จิรวัฒน์ จิรสกุล ธนายุทธ์ ณ อยุธยา
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
สมยศ พฤกษาเกษมสุข ธิติมา ทองศรี ธนภัทร ธรรมโชติ
ผู้ร้องเรียน
เครดิตรูป: ธีรภัทร ศุภพิทักษ์ไพบูลย์









