กระบวนการยุติธรรม ข่าว

คดีฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯคดีสุดท้ายของศาลแขวงดุสิตเสร็จสิ้นแล้ว


คดีฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯคดีสุดท้ายของศาลดุสิตเสร็จสิ้นแล้ว

29.11.67 คดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ ย้ายกระถางต้นไม้ทำให้เสียทรัพย์ จากการชุมนุม “ม็อบ 14 ตุลา” บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกร้องให้รัฐบาลประยุทธ์ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 มี พ.ต.ท.กฤติเดช เข็มเพชร์ รองผู้กำกับสืบสวนสน.สำราญราษฎร์เป็นผู้กล่าวหา คณะราษฎร 8 คน

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 สืบพยานจำเลยที่ 8 มีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นพยานขึ้นเบิกความว่า ได้เข้าร่วมการชุมนุมในวันดังกล่าวเพราะไปขายสินค้า ตั้งแผงขายหนังสือและเสื้อยืดอยู่ไกล้กับเวทีปราศรัย ในเวลา 11.30 น.  เวทีปราศรัยได้เชิญให้ขึ้นพูดปราศรัยคั่นเวลาก่อนที่ผู้นำการชุมนุมจะมาถึง ไม่ใช่เป็นผู้จัดการชุมนุม ในวันดังกล่าว ที่ชุมนุมกว้าง แดดร้อนจัด โล่ง ผู้มาชุมนุมสวมหน้ากากอนามัย โดยที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุขได้กล่าวระหว่างการสืบพยานว่า เป็นการใช้ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อกลั่นแกล้งผู้มาชุมนุมขับไล่รัฐบาล เพราะถ้าหากจะบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินฯป้องกันโควิดนั้น จะมีประชาชนที่ไปห้างสรรพสินค้า ไปจ่ายตลาด หรือผู้ที่ยืนรอป้ายรถเมล์ถูกดำเนินคดีด้วย  โดยที่ตนเองนั้นถูกกล่าวหา ไปร่วมชุมนุมฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินกว่า 10 คดี ศาลยกฟ้องข้อกล่าวหาทั้งหมดมาก่อน

ส่วนข้อกล่าวหา ทำให้เสียทรัพย์จากการที่จำเลยที่ 1 นายพริษฐ์ ชีวรักษ์ และจำเลยที่ 2 “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นั้นได้ประกาศบนเวทีว่า ให้มีการเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้ด้วยการทนุถนอม เพราะต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิต  ให้เคลื่อนย้ายไปอยู่ริมถนน  อย่าทำให้เกิดความเสียหาย  ส่วนภาพปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมบางคนทำให้กระถางหล่นแตกนั้น นายสมยศ กล่าวว่า กระถางเป็นถุงพลาสติกสีดำ หยิบขึ้นมา อาจหล่นแตกได้ ซึ่งมีไม่กี่คน  

นอกจากนี้ระหว่างการนำสืบพยาน มีการกล่าวถึง การออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะเกิดขึ้นในเดือน ธันวาคม 2567 ร่าง พรบ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย จะยกเว้นมาตรา 112 จะนำเสนอในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ซึ่ง ศาลได้ กล่าวว่า คดีการเมืองอย่างเช่น ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ จากการเข้าร่วมการชุมนุม คดีฝ่าฝืน พรบ.ชุมนุมสาธารณะ นั้น คดีนี้ เป็นคดีสุดท้าย จากทั้งหมด 16 คดีของศาลดุสิต  การออก กฎหมายนิรโทษกรรม ถือว่าช้าเกินไป เพราะการพิจารณาคดีในศาลสิ้นสุดลงในการสืบพยานคดีนี้แล้ว 

สำหรับคดีนี้จะศาลแขวงดุสิตจะมีการตัดสินและอ่านคำพิพากษาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 9.00 น.

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ยังกล่าวอีกด้วยว่า ในทุกเดือนต้องไปศาลในคดีตามมาตรา 112 และคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ พรบ.การชุมนุม ความสะอาด หลายคดียกฟ้องฯ แต่ผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย เกิดความเสียหายในด้านเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาไปมาก เป็นภาระของการดำเนินชีวิตมาโดยตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การออก พรบ.นิรโทษกรรม จะเป็นคืนความยุติธรรมให้กับทุกคนที่ได้ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย