บทความ

อันตรายของนักการเมืองเมื่อวานซืน


ไม่ลงถนน

อันตรายของนักการเมืองเมื่อวานซืน

สมยศ พฤกษาเกษมสุข  15.9.62 -สุรินทร์

มีนักการเมืองสองคนที่มีมุมมองเหมือนกันเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวต่อสู้ของประชาชนที่ปฏิเสธการลงท้องถนน คือ พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ทั้งสองคนนี้มีความเหมือนกันและต่างกันในบริบททางสังคมที่แตกต่างกันไปสะท้อนจุดยืนการเมืองและประสพการณ์การเมืองที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน

พรรณิการ์ วาณิช เคยให้สัมภาษณ์( LineToday 26.3.62)ว่า“10 กว่าปีที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าการชุมชุมบนท้องถนนสุดท้ายไม่ได้นำไปสู่อะไรเลยนอกจากความตายของประชาชน ความเดือดร้อนวุ่นวาย สิทธิเสรีภาพการชุมนุมเป็นของทุกคน แต่ว่าในประเทศที่บอบช้ำขนาดนี้ อย่าให้คนต้องมาตายบนถนนอีกเลย แก้ปัญหาในสภา ชุมนุมบนท้องถนนชุมนุมได้ แต่เพื่อให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง มันเสี่ยงไปที่จะนำไปสู่ความตาย ทำในสภา ช้ากว่า ยากกว่า แต่ว่ามันจะเป็นวิธีที่สันติที่สุด ”

ต่อมาในวันที่ 8 กันยายน 2562(ข่าวสด) ได้นำเสนอว่า “การต่อสู้ต้องทำโดยประชาชน แต่ถ้าประชาชนออกมาแล้วตายก็ไม่โอเค ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองใดมีค่าพอที่เราจะตายเพื่อมัน เราไม่อยากให้มีใครตายเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง แต่เราอยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาสู้”

ในขณะที่นาย สนธิ ลิ้มทองกุล เปิดใจ หลังพ้นคุก (12 กย.62 Sanook.com)ว่าบทบาทของตนหลังจากนี้ การเคลื่อนไหวทางการเมือง คงเป็นเรื่องการให้ความรู้มากกว่า การออกถนนไม่มีแล้ว และผมเห็นว่าไม่จำเป็นแล้ว

สำหรับสนธิ ลิ้มทองกุล การไม่ลงถนนไม่มีแล้ว เป็นการพูดในสภาพของคนชราภาพแล้ว ความเป็นผู้นำกลุ่มคนเสื้อเหลืองได้หมดไปแล้ว เนื่องจากได้แปรสภาพเป็นมวลชนของกปปส.ที่นำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ และได้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ได้ช่วยให้สนธิ ลิ้มทองกุลได้ออกจากคุกเร็วกว่ากำหนดที่ควรจะเป็น  จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะก่อการเคลื่อนไหวประชาชนบนท้องถนนอีกต่อไป

ส่วนความคิดเห็นของ พรรณิการ์ วาณิช ในฐานะแกนนำพรรคอนาคตใหม่นั้น สะท้อนตัวตนที่อ่อนด้อยประสพการณ์ทางการเมือง ด้วยเหตุที่ ได้เป็นสส.ในจังหวะการเมืองพิเศษอย่างง่ายดาย จึงใช้มุมมองมองโลกสวยแบบไร้เดียงสาทางการเมือง ที่เป็นอันตรายต่อการเคลื่อนไหวของประชาชนที่ต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือ

ประการที่หนึ่ง  การชุมนุมเดินขบวนของประชาชน เป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยและเป็นการแสดงออกของการมีส่วนร่วมทางการเมือง เป็นประชาธิปไตยทางตรง  การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปสู่ประชาธิปไตยในเมืองไทยทุกครั้งล้วนแล้วมาจาการเคลื่อนไหวต่อสู้ของประชาชนบนท้องถนนทั้งสิ้น รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือ ปี 2517และ2540ล้วนได้มาจากการต่อสู้บนท้องถนนของประชาชนทั้งสิ้น  หากไม่มีการต่อสู้บนท้องถนนของประชาชนจะไม่มีสภาผู้แทนราษฎรให้นักการเมืองเมื่อวานซืนได้มองโลกสวยแบบนี้อย่างแน่นอน

ประการที่สอง  การพูดที่ว่า ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวบนท้องถนน เพราะนำมาสู่ความตายนั้น เป็นการมองข้าม อาชญากรรมของรัฐที่เข้ามาปราบปรามประชาชนด้วยการเข่นฆ่าให้ตายบนท้องถนน เป็นการกล่าวโทษต่อประชาชนที่รักประชาธิปไตยที่ดัน(เสือก)ไปเดินขบวนเป็นเหตุให้ถูกยิงเสียชีวิตเป็นตรรกะเหตุผลแบบเดียวกันกับพวกเผด็จการที่ต้องการปราบปรามประชาชน ต้องการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่กลับไม่กล่าวโทษแม้กระทั่งละเลยในกรณีที่รัฐใช้ความรุนแรงกระทำป่าเถื่อนต่อประชาชน เป็นการยอมรับให้รัฐใช้ความรุนแรงกระทำต่อประชาชนได้อย่างชอบธรรม(ประชาชนผิดเองที่ไปเดินขบวนบนถนนให้พวกทหารยิงตาย)

พรรคอนาคตใหม่ควรให้ความรู้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงและนำนักการเมืองเมื่อวานซืนเหล่านี้ทำการปรับทัศนคติเสียใหม่ จะได้มีอนาคตใหม่ที่สดใสกว่าเดิม

ทัศนะความคิดที่ไปตำหนิการลงถนนแบบนี้กำลังระบาดไปในหมู่นักการเมือง นับได้ว่าเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง เป็นการลดทอนการเคลื่อนไหวต่อสู้ของประชาชนลงไปอย่างสิ้นเชิงและเป็นการผลิตซ้ำความคิดตอกย้ำวาทะกรรมของพวกเผด็จการที่ต้องการใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน

ทางที่ดีที่สุดพรรคการเมืองฝ่ายค้านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ควรจะใช้โอกาสของการเป็นผู้แทนประชาชนในฝ่ายประชาธิปไตย ผลักดันให้มีการชำระประวัติศาสตร์กันใหม่ ลบล้วงผลพวงการรัฐประหารทั้งหมด  จัดตั้งศาลประชาชนไต่สวนกันใหม่ แล้วนำพวกเผด็จการทหารที่ป่าเถือ่น เหล่านี้มาลงโทษให้สาสมกับความระยำตำบอนที่เคยกระทำมาในอดีต นับตั้งแต่การกวาดล้างคณะราษฎรจนหมดสิ้นไป การสังหารหมู่ 14 ตค. 16และ 6 ตค. 19 , พฤ ษภาทมิฬ 35 การสังหารหมู่ราชประสงค์และราชดำเนิน2553 การลอบสังหาร-อุ้มฆ่าแกนนำเสื้อแดงหลายคนจากอดีตถึงปัจจุบัน ฯลฯ

———————————————————————————–

twoland5

สองแผ่นดินบันทึกเรื่องราวเป็นกวีศิลป์แห่งความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวด ความหวังและการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ควรค่าต่อการเป็นเจ้าของ  คำนิยมโดยวัฒน์ วรรลยางกูร กวีกบถนอกราชอาณาจักร  รายได้สนับสนุนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยนักโทษการเมือง นำผู้ลี้ภัยกลับบ้าน  ราคา 150 บาท  ค่าส่ง 20.00 บาท รวม 170 บาท  สั่งซื้อด้วยการโอนเงิน 170.00 บาท ในนามของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 198-0-12736-0  ส่งสลิป และแจ้งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง Email มาที่ editor@prakaifai.com  หรือโทรศัพท์มาที่ 065-557-5005

 

ถังเฉ้า