บทความ

เพื่อไทยจับมือก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล


หลังรัฐประหาร19กันยายน2549 พรรคเพื่อไทย ครองแชมป์ได้เสียงอันดับหนึ่งในสภามาโดยตลอด มีนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 3 คน ถูกโค่นล้มด้วยการรัฐประหารทั้งจากตุลาการและกองทัพที่ล้วนแล้วแต่ประกาศเป็นผู้ปกป้องสถาบันกษัตริย์ การเลือกตั้งในปี 2566 เช่นกันพรรคเพื่อไทยได้เสียงอันดับหนึ่งแน่นอนแม้เป้าหมายให้ชนะถล่มทลายถึง 310 เสียง ไม่อาจไปถึงเป้าหมายนี้ได้ โดยคาดว่าจะได้รับเพียง 220 เสียงเพราะโดดเด่นเพียง แค่เสนอนโยบายเพื่อปากท้องโดยละเลยต่ออำนาจนอกระบบที่กำกับการเมืองไทยมาโดยตลอด แต่พรรคเพื่อไทยกลับสยบยอม ไม่กล้าพูดถึงการแก้ปัญหานี้กันอย่างจริงจัง

ทำให้คะแนนเสียงของคนรุ่นใหม่หรือ New Voters ราว 2 ล้านคน ซึ่งมีความปรารถนาแรงกล้าในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองตามประเพณีการปกครองไทย โดยการก่อกระแสเรียกร้องให้มีการปกิรูปสถาบันกษัตริย์ และ ยกเลิกมาตรา 112 ปลดปล่อยการเมืองไทยให้หลุดพ้นจากอำนาจการเมืองเชิงประเพณี  พากันไปเทคะแนนเสียงให้กับพรรคก้าวไกลที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการประกาศนโยบายปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้ไขมาตรา 112 จนกลายเป็นพรรคการเมืองที่เคยได้คะแนนอันดับสามในสภา จากฐานเดิม 52 ที่นั่งอาจก้าวกระโดดไปถึง 80 ที่นั่ง เป็นพรรคอันดับสองในสภาเข้าแทนที่พรรคพลังประชารัฐที่กำลังกลายเป็นพรรคการเมืองในระดับต่ำ 10 ที่นั่งในสภา ดังนั้นพรรคก้าวไกลจะ กลายเป็นตัวแปรสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยไม่อาจมองข้ามตามความประสงค์ของอำนาจนอกระบบที่กำลังเสื่อมคลายไปจากสังคมไทยได้อีกต่อไป

ความเป็นไปได้ที่นำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากที่สุดคือพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยถีบพรรครวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐกลายเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาต่อไป

สมยศ พฤกษาเกษมสุข 17.4.66